✍🏼 สตาร์ทอัพนี้มีศักยภาพมากแค่ไหน?
กับสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้นแล้ว คำถามที่เหมาะสมไม่ใช่ว่า “บริษัทนี้จะครองโลกได้หรือไม่?” 🌏 แต่เป็นที่ว่า “บริษัทนี้จะใหญ่ได้แค่ไหนถ้าผู้ก่อตั้งทำสิ่งที่ถูกต้อง?” 🚀 – พอล แกรแฮม
กับสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้นแล้ว คำถามที่เหมาะสมไม่ใช่ว่า “บริษัทนี้จะครองโลกได้หรือไม่?” 🌏 แต่เป็นที่ว่า “บริษัทนี้จะใหญ่ได้แค่ไหนถ้าผู้ก่อตั้งทำสิ่งที่ถูกต้อง?” 🚀 – พอล แกรแฮม
ในฐานะสตาร์ทอัพ ให้คำปรึกษาฟรีกับลูกค้า – พวกเขาจะขอบคุณ 🤟🏼 // ให้คำปรึกษาแบบคิดเงิน – พวกเขาจะต้องการให้เราทำทุกอย่าง 🙇🏻♂️
สิ่งแรกและสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับความยั่งยืนของสตาร์ทอัพคือวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่เทคโนโลยี โปรดักท์ ทีมงาน หรือแม้แต่ลูกค้าและรายรับ
ถ้าเรามี 20 ไอเดียที่อยากทำสตาร์ทอัพ (Startup) เราจะรู้ได้อย่างไรว่าไอเดียไหนดีกว่ากัน?
ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าทุกอย่างที่เราทำ ทุกฟีเจอร์ที่เราโค๊ดไปต้องรีลีส ต้องส่งมอบ … รู้ตัวเองไว้เลยว่าเรากำลังทำอะไรที่อนุรักษ์นิยมเกินไป
เมื่อมาถึงทางแยกซ้ายกับขวา ผู้นำสตาร์อัพอย่างเราจะเลือกอะไร? ศึกษาข้อมูลอย่างหนัก, สอบถามจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนหรือก็แค่กล้าที่จะเชื่อตัวเอง?
เมื่อสตาร์ทอัพ (Startup) ของเราพยายามขายแต่ลูกค้ากลุ่มหนึ่งไม่พร้อมจะซื้อ สัญญาณ 4 ข้อที่บอกเราว่าถึงเวลาต้องถอนตัวก่อน
หน้าที่ในช่วงแรกของสตาร์ทอัพ (Startup) ไม่ใช่การขายให้ทุกคนแต่เป็นแค่บางคนที่ใช่จริงๆ คนที่เป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่มีแค่ 4% ของคนทั้งหมด แล้วคนที่เหลือจะเริ่มทยอยตามมา
โปรดักท์เมเนเจอร์คนแรกรู้เรื่องแบ็คล็อกอย่างดี โปรดักท์เมเนเจอร์คนที่สองเข้าใจเป้าหมายอย่างถ่องแท้ ถ้าเลือกได้เราอยากเป็นแบบไหน?
สตาร์ทอัพแบบ B2B จะเจอปัญหาเรื่องการขายค่อนข้างมาก เพราะโปรดักท์ที่ใหม่ทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าลงทุน ทางเลือกที่น่าสนใจคือขายให้ต้นทาง คนที่จะพาโปรดักท์ของเราไปหาลูกค้าปลายทางได้