✍🏼 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำโปรดักท์ไม่เสร็จ?
ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าทุกอย่างที่เราทำ ทุกฟีเจอร์ที่เราโค๊ดไปต้องรีลีส ต้องส่งมอบ … รู้ตัวเองไว้เลยว่าเรากำลังทำอะไรที่อนุรักษ์นิยมเกินไป
ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าทุกอย่างที่เราทำ ทุกฟีเจอร์ที่เราโค๊ดไปต้องรีลีส ต้องส่งมอบ … รู้ตัวเองไว้เลยว่าเรากำลังทำอะไรที่อนุรักษ์นิยมเกินไป
เมื่อมาถึงทางแยกซ้ายกับขวา ผู้นำสตาร์อัพอย่างเราจะเลือกอะไร? ศึกษาข้อมูลอย่างหนัก, สอบถามจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนหรือก็แค่กล้าที่จะเชื่อตัวเอง?
เมื่อสตาร์ทอัพ (Startup) ของเราพยายามขายแต่ลูกค้ากลุ่มหนึ่งไม่พร้อมจะซื้อ สัญญาณ 4 ข้อที่บอกเราว่าถึงเวลาต้องถอนตัวก่อน
หน้าที่ในช่วงแรกของสตาร์ทอัพ (Startup) ไม่ใช่การขายให้ทุกคนแต่เป็นแค่บางคนที่ใช่จริงๆ คนที่เป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่มีแค่ 4% ของคนทั้งหมด แล้วคนที่เหลือจะเริ่มทยอยตามมา
โปรดักท์เมเนเจอร์คนแรกรู้เรื่องแบ็คล็อกอย่างดี โปรดักท์เมเนเจอร์คนที่สองเข้าใจเป้าหมายอย่างถ่องแท้ ถ้าเลือกได้เราอยากเป็นแบบไหน?
สตาร์ทอัพแบบ B2B จะเจอปัญหาเรื่องการขายค่อนข้างมาก เพราะโปรดักท์ที่ใหม่ทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าลงทุน ทางเลือกที่น่าสนใจคือขายให้ต้นทาง คนที่จะพาโปรดักท์ของเราไปหาลูกค้าปลายทางได้
สตาร์ทอัพคือการต่อสู้เพื่อรวบรวมคนที่รักเรา เพื่อนร่วมงาน, ลูกค้า, พาร์ทเนอร์, นักลงทุน … คำถามคือเราควรมองหาความรักจากใครก่อน
บางทีเราเห็นโปรดักท์บางตัวที่เหมือนทำไม่เสร็จ คิดไม่จบ ครึ่งๆกลางๆ มันก็ทำให้สงสัยในกระบวนการคิดเบื้องหลังว่า “ทำไมมันไปไม่สุด” – ปัญหานี้แก้ได้ด้วยคำถามเดียว
การตั้งราคาที่ตายตัวโดยมองจากต้นทุนและสัดส่วนกำไรที่เราอยากได้นั้นหลายครั้งไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด … ที่จริงแล้วมันน่าจะดีกว่าถ้าเราตั้งราคาจากผลตอบแทนที่ผู้ซื้อได้รับ
หลายที่คนพยายามเลี่ยง หลายครั้งพวกเขาจะไม่ยึดติดกับคำว่าประสิทธิภาพให้มากเกินไป ประเภทที่ เราเร็วสุด แรงสุด เยอะสุด ขาวสุด ดำสุด ราคาถูกสุด