ความคิดทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากความเชื่อที่ว่า “เราไม่ต้องการคนที่มีพรสวรรค์ระดับโลกเพื่อสร้างโปรดักท์ระดับโลก แต่เราต้องการทีมงานที่มีความสุขและสามัคคี” และ “เราไม่ต้องการคนที่มีพรสวรรค์ระดับโลกเพื่อสร้างโปรดักท์ระดับโลก แต่สิ่งที่คุณต้องการคือความสมดุลที่เหมาะสมในทักษะ ความรู้ และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม”
เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทีมเวิร์คเพื่อสร้างทีมงานที่มีความสุขอย่างแท้จริง
- ทำแบบสำรวจหรือสัมภาษณ์เพื่อค้นหาว่าพวกเขาคิดว่าทีมที่มีความสุขอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร เราสามารถเริ่มต้นการสร้างทีมแบบนั้นอย่างถูกทาง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง “ทีมงานศักยภาพสูง”
- สร้างแรงเหวี่ยง มันจะเป็นอย่างไรถ้าเราสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ทีมถูกสร้างขึ้นจากความเชื่อมั่นศรัทธาไม่ใช่แค่ใครว่างหรือไม่ว่าง จากแรงบันดาลใจไม่ใช้การหลอกใช้ และจากแรงผลักดันไม่ใช่แค่ตำแหน่งหน้าที่ มันจะเป็นอย่างไรถ้าเราอนุญาตให้พวกเขาเลือกว่าจะทำงานอะไร ทำงานกับใคร?
- มองหาภาวะผู้นำ ภาวะความเป็นผู้นำเป็นลักษะนิสัยไม่ใช่ชื่อตำแหน่ง สมาชิกในทีมหลายคนอาจจะมีคำถามว่า “ฉันจะได้อะไรจากการทำงานในทีมนี้ในโปรดักท์นี้?” ในฐานะที่เราเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย มันเป็นหน้าที่ของผู้นำทุกคนที่ต้องสามารถอธิบายวิสัยทัศน์ของตัวเองได้อย่างชัดเจนเพื่อโน้มน้าวจูงใจให้คนอื่นๆช่วยกันแปลงสิ่งนั้นให้เป็นความจริงขึ้นมา
เพื่อการคิดและมองให้ไกลในระยะยาว
- สร้างความสมดุลระหว่างงานวันต่อวันและการลงทุนในระยะยาว มองหาช่องว่างสำหรับการปรับปรุงและนวัตกรรม มันอาจจะเป็นทุกเดือน ทุกไตรมาส หรือบางโอกาสที่แต่ละทีมจะได้มีเวลาสงบเป็นของตัวเองเพื่อคิดและทำในบางอย่างที่แปลกใหม่ อนุญาตให้พวกเขาฉีกแนวบ้างเป็นบางครั้ง
- มีโฟกัส มันน่าสนใจทีเดียว ถึงแม้ว่าเราจะมองหาคนที่สวมหมวกได้หลายใบในเวลาหนึ่งๆและมีความรู้ทั่วไปที่ดีเกี่ยวกับการสร้างโปรดักส์และสร้างธุรกิจ แต่มันก็สำคัญมากเช่นกันที่พวกเขาต้องยอดเยี่ยมในงานหลัก เราไม่สามารถจะประสบความสำเร็จอะไรได้เลยยกเว้นแต่ว่าทีมโปรดักท์ของเราเข้าใจลูกค้าและธุรกิจอย่างดีมากๆ นักพัฒนาของเราเก่งเรื่องการเขียนโค๊ดและใส่ใจคุณภาพ เวลาเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดดังนั้นเริ่มต้นสร้างความรู้และทักษะหลักๆพวกนี้ก่อน ไปเชิงลึกแล้วค่อยขยายด้านกว้าง
- ถามคำถามใหญ่ เช่น “เราจะกลายเป็นบริษัทที่ถีบเราออกจากธุรกิจนี้ได้อย่างไร?”
เพื่อมอบความเป็นอิสระในการทดลองและสร้างนวัตกรรมให้มากขึ้น
- สนับสนุน “เรียนรู้โดยการลงมือทำ” นี่เป็นแนวทางการเรียนรู้ที่ดีที่สุดที่การอบรมในห้องเรียนเทียบไม่ได้ มันจะเป็นยังไงถ้าเราลืมเรื่องลำดับชั้น นโยบาย กฎเกณฑ์ กระบวนการ และเรื่องเงิน อนุญาตให้พวกเขาว่าจะสร้างอะไรและอย่างไร อนุญาตให้พวกเขาทดลองสิ่งต่างๆกับโลกแห่งความจริงเพื่อล้มเหลวอย่างรวดเร็วแล้วแค่ถามพวกเขาว่า “คุณเรียนรู้อะไรจากครั้งที่แล้วบ้าง?” มันจะสร้างความแตกต่างอย่างยิ่งใหญ่ในเรื่องของแรงผลักดันและอารมณ์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างนวัตกรรมที่ก้าวกระโดด
สิ่งที่สำคัญที่สุดในองค์กรคือคน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีและจะผ่านไปอีกนานเท่าไร สัจธรรมข้อนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป อยากทำธุรกิจที่ก้าวหน้า ต้องเปิดโอกาสให้คนในทีมได้ก้าวหน้าก่อน