บางครั้ง (หรือหลายครั้ง) เราก็พยายามมากเกินไปที่อยากให้มันออกมาดีที่สุด
แน่นอนมันคือความภูมิใจ
แน่นอนมันคือผลงานที่มีชื่อตัวเราเองประทับอยู่
ไม่ว่าจะชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ … เราก็ยังพยายามจะทำเต็มที่ที่สุด
เต็มที่แบบที่มากเกินไป เพื่อให้มันดีอย่างที่มันควรจะเป็น
แต่มันแลกมาด้วยความเหนื่อยยากอย่างหนัก หนักมากกว่าคนอื่นทั่วไป
ด้วยมาตรฐานที่ตัวเราเองตั้งไว้สูงเกินไป … มันดีกว่าที่เคยเห็นมาหลายเท่าตัว ต่อให้เราพยายามน้อยกว่านี้ลงอีกครึ่งนึง งานของเราก็ได้มาตรฐานตามปกติอยู่แล้ว
แต่เราก็หยุดไม่ได้ เพราะ … เราโกหกตัวเองไม่ได้ว่าเรารู้อยู่เต็มอกว่ามันดีกว่านี้ได้อีก และเราก็ทำต่อไป ทำต่อไป แก้แล้วแก้อีก ลองแล้วลองอีก
มันเหมือนวนไปวนมา ไม่ไปไหน ไม่เสร็จสักที
แต่ก็นั่นแหละ เราเป็นแบบนี้ มันฝืนธรรมชาติตัวเองไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีเวลาให้แก้เราก็ยังจะแก้มันต่อไปจนวินาทีสุดท้าย
ข้อดี — เราภูมิใจในงานชิ้นที่อย่างมาก
ข้อเสีย — ไม่มีอะไรการันตีว่าสิ่งที่แก้ไปจะทำให้ผลงานของเราออกมาดีกว่าเดิม
ข้อเสีย — ไม่มีอะไรการันตีว่าหยาดเหงื่อแรงงานของเราจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
ข้อเสีย — อาจจะไม่มีใครสักคนที่เข้าใจความพยายามของเราและมองข้ามงานชิ้นนี้ไป
ข้อเสีย — อาจจะทำเสร็จไม่ทันเวลา ไม่ทันกิน โดยแย่งโอกาสไปจากคนที่ทำแค่ให้มันพ้นมาตรฐานทั่วไป
ข้อเสีย — เหนื่อย
ในความคิดของใครๆก็คงมองเห็นข้อเสียมากกว่าข้อดี … เราก็เห็นและสัมผัสมันได้แบบนั้นเหมือนกัน แต่แค่ว่าเราเลือกที่จะเหยียบข้อเสียไว้แล้วจับจ้องสายตาไปที่ข้อดีข้อเดียวนั้นแบบไม่ลดละ
ไม่มีอะไรการันตีว่าจะสำเร็จ ไม่มีทางที่เราจะทำงานที่สมบูรณ์แบบ มีแต่ความเหนื่อยและเหนื่อย แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรสู้ความภูมิใจในตัวเองได้ว่า
นี่แหละ งานชิ้นเอกของฉัน (และมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ … ในโลกนี้)