หนังสือเล่มนี้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจหลายอย่าง หนึ่งในนั้น …
“We are as good as our organization.” … “เราจะดีได้เท่ากับองค์กรของเรา”
เราจะดีจะเก่งได้เท่ากับสิ่งที่องค์กรนั้นเป็นอยู่ เพราะไม่มีพนักงานคนไหนอยู่เหนือองค์กรได้ดังนั้นทุกอย่างที่เราทำจะถูกกำหนดเป็นกฎเกณฑ์ตายตัวขององค์กรนั้นๆ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะแหวกแนวปฏิบัติที่ถูกปลูกฝังกันมาเป็นเวลานานและเริ่มต้นทำอะไรที่แตกต่างตามความคิดของตัวเอง
เราไม่ได้มองว่าตัวเองดีกว่าหรือเก่งกว่าองค์กรทั้งหมด แต่ถ้าช่องว่างระหว่างตัวผมและองค์กรนั้นกว้างเกินไป เกินกว่าที่เราจะปรับตัวได้ ความขัดกันของคุณค่าที่ต่างคนต่างเชื่อมั่นจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อรู้สึกเฉื่อยชา เมื่อรู้สึกขาดการพัฒนา เมื่อรู้สึกไม่ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ เราต้องมองหาการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองมากขึ้น ในที่ที่คุณค่าและความต้องการของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกันมากกว่านี้ ในที่ที่เราสามารถเป็นตัวเองได้มากขึ้น ในที่ที่จะได้เรียนรู้และตั้งโจทย์ความท้าทายแบบใหม่ให้กับตัวเอง ในที่ที่เราจะมีประโยชน์มากกว่านี้
“เราจะดีได้เท่ากับองค์กรของเรา” ในทางกลับกัน “องค์กรก็จะดีได้เท่ากับตัวเรา” เช่นกัน มันเป็นสมการมุมกลับที่ส่งเสริมและหักล้างซึ่งกันและกันเสมอ … ไม่ใช่ว่าเราไม่เก่งหรือองค์กรนั้นไม่ดี มันแค่คือความแตกต่างที่เข้ากันไม่ได้มากกว่า และเมื่อถึงจุดที่เราเริ่มตระหนักในเรื่องนี้แล้ว … ทางออกเดียวคือแยกทางกันไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองฝ่าย เราได้เป็นอย่างที่ตัวเองอยากเป็น และองค์กรก็จะได้มีโอกาสร่วมงานกับคนที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน
เรื่องนี้ไม่มีใครผิด