เมื่อคนไม่พอ เมื่องานล้นมือ เมื่อต้องทำงานที่ไม่มีความชำนาญ เมื่ออยากตัดงานน่าเบื่อและไม่สร้างคุณค่าทิ้งไป เมื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย … เอ้าซอร์สคือตัวเลือกแรกๆ
- เอ้าซอร์สงานสร้างซอฟต์แวร์ไปให้บริษัทอื่น
- จ้างทีมเดฟที่เป็นเอ้าซอร์สมานั่งทำงานให้
- ปิดทีมซัพพอร์ตที่เมืองไทยแล้วไปเปิดสาขาใหม่ที่พม่า
- เรียกทีมกฎหมายจากบริษัททนายความเข้ามาให้คำปรึกษาเรื่องหนังสือสัญญา
- ดึงผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระบวนการทำงานเข้ามาช่วยให้คำแนะนำกับทีม
- โอนความรับผิดชอบเรื่องออนไลน์มาร์เก็ตติ้งไปให้เอเจนซี่ดูแล
เอ้าซอร์สเกิดขึ้นตลอดเวลาในเกือบทุกองค์กรในเกือบทุกสถานการณ์ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบคำว่า “เอ้าซอร์ส” ซักเท่าไร … มันให้ความรู้สึกถูกตัดขาด ห่างเหิน ไม่มีส่วนร่วม ไม่สำคัญ และเป็นใครก็ได้ (พนักงานเอ้าซอร์สถึงเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ)
ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์กันแบบหลวมๆ … ฉันจ้างเธอมาทำงานนี้ vs. เธอจ่ายเงินให้ฉันทำงานแค่นี้ … มันให้ความรู้สึกว่าเป็น “คนนอก” vs. “คนใน”
ด้วยความที่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ที่ผ่านมาเราถึงเลือกที่จะ “อินซอร์ส” เมื่อต้องการความช่วยเหลือ เราควรเลือกที่จะดึงคนนอกเข้ามาเป็นคนในตามความเหมาะสม
- ขอความช่วยเหลือให้เพื่อนวาดรูปที่ใช้ในเวปไซต์ของบริษัท
- มีเพื่อนที่ช่วยทำงานแบบพาร์ทไทม์ให้อีกหลายคน
- ให้ความช่วยเหลืออีกบริษัทหนึ่งด้วยความสัมพันธ์แบบพาร์ทเนอร์
เพราะว่าอินซอร์สคือแนวทางการทำงานที่ถูกต้องกว่าเอ้าซอร์ส เราไม่ใช่นายจ้างใคร เราไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นเจ้านายใคร เราดูแลทุกคนด้วยความเคารพในฐานะเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน แบ่งปันเป้าหมายให้ทุกคนฟัง แชร์ข้อมูลที่สำคัญให้ทุกคนได้รับรู้ และดึงพวกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท … ถึงแม้จะชั่วคราวและเป็นครั้งคราวแต่มันให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามาก
ถ้าเรากำลังจะขยายทีม … ควรคิดถึงการอินซอร์สไม่ใช่เอ้าซอร์ส