ว่ากันว่านักลงทุนและบริษัทลงทุนมืออาชีพมีเวลาไม่เกิน 10 นาทีในการฟังและตัดสินใจว่า “โอกาสนี้น่าสนใจและอยากคุยเพิ่ม” หรือ “ไม่เวิร์ค สมควรโดนคัดออก”
ใน 10 นาทีคือความกดดันที่เราในฐานะคนอยากได้เงินต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ดี ต้องทำให้คนฟังประทับใจ
ใน 10 นาทีนั้นเพียงพอจะตัดสินได้จริงหรือว่า “โอกาสนี้ดี” กับ “เรื่องนี้แย่”?
บางคนที่ทำงานตรงนั้นเป็นอาชีพคิดว่า 10 นาทีนั้นเหลือเฟือ มันมากพอที่จะแยกแยะสิ่งที่ใช่กับสิ่งที่ไม่ใช่ได้ … เบื้องหลังคืออยู่แค่ว่าคนนั้น “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” ไอเดียของเราเท่านั้นเอง
กับบางคนไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันเพียงพอ มันจะพอได้อย่างไรภายในเวลา 10 นาทีที่จะอธิบายอะไรหลายๆอย่างให้กระจ่าง
คำว่า “เรียกร้องความสนใจ” นั้นคือสิ่งที่เราต้องทำ แต่ภายใน 10 นาที? ไม่เอาดีกว่า สำหรับเรามันเร่งรีบเกินไป มันเกือบๆจะเป็นการไม่เคารพต่อฝ่ายผู้นำเสนอ
ไอเดียที่ว่าเราในฐานะคนอยากได้เงินควรจะมีประโยคสั้นๆติดปากไว้แนะนำบริษัทให้นายทุนฟังนั้นก็โอเคอยู่ แต่ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมีคุณค่าแต่ไม่ใช่ไอเดียที่จะเปลี่ยนโลกหละ? มันแปลว่าเราหมดโอกาสอย่างนั้นหรือ?
“เราทำระบบอีเลิร์นนิ่งสำหรับคนรักสุนัข” — คนฟังจะตัดสินไอเดียของเราที่ “อีเลิร์นนิ่ง” หรือ “สำหรับคนรักสุนัข” … เราว่าแค่ได้ยินอีเลิร์นนิ่งพวกเขาก็อาจจะฟันธงแล้วว่าไม่เวิร์คเพราะพวกเขาไม่ชอบธุรกิจอีเลิร์นนิ่ง แต่ความจริงเบื้องหลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ใน 10 นาทีนั้นคือทองคำ ที่มันไม่ใช่อีเลิร์นนิ่งทั่วไป แต่เป็นอีเลิร์นนิ่งสำหรับคนรักสุนัขเพื่อสุนัขของพวกเขา แต่นักลงทุนมืออาชีพหลายคนอาจจะไม่ทนฟังจนถึงจุดนั้น
ในเวลา 10 นาที … การตัดสินจึงเกือบจะเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ ชอบหรือไม่ชอบ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ถูกชาตะหรือเกลียดขี้หน้า
ในเวลา 10 นาที … คำว่าธุรกิจและรายละเอียดที่แท้จริงของมันอาจจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรเลย มันเป็นเพียงแค่ชอบหรือไม่ชอบ
เราไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ ไม่ชอบเพราะรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมที่ตัวเองกำลังจะถูกตัดสินภายในเวลา 10 นาที เราจึงไม่เลือกที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเองโดนตัดสินแบบนั้น
ต่อต้านนิดๆด้วยความไม่ชอบ แต่ก็เข้าใจว่าอาชีพแบบนั้นเวลาเป็นเงินเป็นทอง การคัดกรองแบบรวดเร็วเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาดำเนินธุรกิจของตัวเองไปได้