ความจงรักภักดี (Loyalty) เป็นสิ่งที่มีพลังมาก เจ้าของธุรกิจทุกคนอยากได้ความจงรักภักดีจากลูกค้า (Customer Loyalty) และเจ้าของธุรกิจทุกคนอยากได้ความจงรักภักดีจากพนักงาน (Employee Loyalty)
แต่ความจงรักภักดีก็เหมือนกับความศรัทธา (Trust) นั่นคือมันซื้อไม่ได้ สั่งไม่ได้ มันเกิดจากการที่ทั้งสองฝ่ายทำดีต่อกันจนเกิดเป็นความผูกผัก ทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำไม่ใช่แค่คำพูด และแน่นอนที่สุดมันต้องใช้เวลา
กับคำว่าความจงรักภักดี … สิ่งที่เห็นอยู่นี้มันคืออะไร?
ลูกค้าใหม่ได้ส่วนลด ส่วนลูกค้าเก่าถือว่าซวยไป
พนักงานใหม่ได้เงินเดือนเยอะ แต่บอกพนักงานเก่าว่าฐานเงินเดือนไม่เท่ากัน
ทำเหมือนไม่เห็นคุณค่าคนที่รู้จักกันมานาน ทำเหมือนมั่นใจมากว่าคนที่มาใหม่จะดีกว่า และทำแบบนี้แล้วยังหวังคำว่าจงรักภักดีอยู่อีกหรือ?
ไซม่อน ซิเนค (Simon Sinek) กล่าวไว้ว่า คำว่าความจงรักภักดีนั้นไม่ใช่แค่ลูกค้าเลือกใช้สินค้าและบริการของเราอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่มันคือการที่ลูกค้าคนนั้นพร้อมจะปฏิเสธข้อเสนอที่ดีกว่า เร็วกว่า ถูกกว่าของคู่แข่งเพื่อยอมเป็นลูกค้าของเราต่อไป ความจงรักภักดีที่แท้จริงวัดกันตรงนี้ … ลองถามตัวเองดูว่า
- จะมีลูกค้าซักกี่คนที่พร้อมจะอยู่กับเราเมื่อคู่แข่งมีสินค้าและบริการที่ดีกว่า
- จะมีพนักงานซักกี่คนที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราถ้ามีบริษัทอื่นพร้อมให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
- แล้วเราจะทำยังไงกับเรื่องนี้?