รู้คร่าวๆ และรู้ว่าต้องไปค้นต่อที่ไหน
ความฉลาดในยุคนี้คือการวัดจากการมองสถานการณ์ให้เป็น คนที่มีความรู้พื้นฐานดี และเป็นคนที่รู้ว่าจะหาคำตอบและหาทางเลือกได้อย่างไร
เรามีอะไรในกระเป๋า? ความหมายคือเรารู้อะไรบ้าง รู้ในสิ่งที่น้อยคนจะรู้ กระเป๋าเราซ่อนอาวุธลับอะไรไว้บ้าง
เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น เรารู้ได้จากการวิเคราะห์ว่าที่มาที่ไปคืออะไรและมันกำลังจะเกิดอะไรตามมา นั่นคือความรู้ตั้งต้น และเมื่อเราคิดให้ลึกไปกว่านั้นด้วยการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเหตุและผลกับทฤษฎีที่เราเคยศึกษาหรือผ่านตามาได้ เราจะรู้ได้เร็วกว่าคนอื่นว่าเราควรล้วงกระเป๋าซ้ายเพื่อแก้เกมแบบนี้หรือล้วงกระเป๋าขวาเพื่อคว้าโอกาสนี้ไว้ด้วยวิธีการแบบนั้น
หมดยุคแห่งการท่องจำ (มานานแล้ว) ความรู้นั้นมีอยู่ทั่วไปและเข้าถึงง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่การที่จะวัดว่าใครเก่งกว่าคือการดูว่าใครแก้ปัญหาได้ดีกว่า การแก้ปัญหาคือการใช้ความรู้อย่างบูรณาการในการทำความเข้าใจสถานการณ์และปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานบางอย่างที่ตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น
สถานการณ์เดียวกันบางคนไม่เห็นปัญหา บางคนเห็นแต่ปัญหา บางคนเห็นโอกาส ใครมองทะลุกว่ากัน? มันขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีอะไรในกระเป๋าแล้วมีมากแค่ไหน
เราไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ทุกอย่างหรือท่องให้ขึ้นใจกับทุกเรื่อง เราแค่ต้องรู้ว่าถ้าถึงจุดที่มันเป็นแบบนี้แล้ว เราต้องทำอะไรที่จะหาคำตอบให้ได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด หรือเมื่อเราตั้งเป้าหมายแบบนี้แล้ว เราและทีมต้องทำยังไงให้ไปถึงเป้าหมายนั้นอย่างใจหวัง
ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือกระเป๋าเราไม่มีวันเต็มไม่มีวันล้น ยิ่งสะสมมายิ่งมีมาก ยิ่งเรียนรู้มากยิ่งมีอาวุธเยอะ บางคนหยุดเติมของเข้ากระเป๋าตั้งแต่เรียนจบ บางคนหาของสะสมบ้างบางครั้งคราว บางคนสนุกกับการเก็บเล็กผสมน้อยด้วยวินัยและความอดทน
“ผมเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว เดี๋ยวขอกลับไปค้นก่อน”
“หนูพอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าประมาณนี้แหละ ลองอ่านบทนี้ดู คนเขียนเล่าละเอียดเลยว่าต้องทำอะไรบ้างตามขั้นตอน”
แค่นี้ก็เหลือเฟือ … ความรู้และสติปัญญาที่อยู่ในกระเป๋าที่พร้อมหยิบมาใช้ประโยชน์ทุกเมื่อ
อย่าดูหมิ่นสิ่งละอันพันละน้อย … คนเก่งวัดกันตรงนี้