ประโยคคลาสสิกมีอยู่ว่า “อะไรที่ถูกวัดผลก็จะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นได้”
จริงแท้แน่นอน … ประเด็นอยู่ที่ว่าเราจะเลือกวัดผลอะไร?
ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์แบ่งการวัดผลออกเป็นสามส่วน ขอข้ามมาพูดถึงส่วนที่สองก่อนเลย … การวัดผลที่ตรงกลาง
การวัดผลที่ตรงกลางเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมันง่าย รวดเร็ว และสเกลได้ไม่จำกัด … การวัดผลประเภทนี้จะเป็นไปตามทฤษฎีหรือกระบวนการที่แต่ละองค์กรยึดถือ เช่น
- จำนวนบรรทัดของโค๊ด
- จำนวนชั่วโมงในการทำงาน
- จำนวนเทสเคสที่เขียนขึ้น
- จำนวนบั๊กที่ตรวจพบและแก้ไข
- อายุโดยเฉลี่ยของบั๊ก
- จำนวนฟีเจอร์ที่ทำเสร็จในแต่ละรอบการทำงาน
- ความเบี่ยงเบนของงบประมาณที่ใช้จริงต่องบประมาณที่คาดคะเนไว้
- และอื่นๆอีกมาก
เมื่อเราตั้งใจวัดผลเรื่องเหล่านี้ เราจะได้แนวทางในการพัฒนามัน … เช่นนี้
- จำนวนบรรทัดของโค๊ดมากขึ้นด้วยการบีบเวลาให้น้อยลง
- จำนวนการทำงานที่มากขึ้นของพนักงานแต่ละคน
- จำนวนเทสเคสที่เขียนขึ้นจะเพิ่มเป็นทวีคูณตามแรงจูงใจเรื่องการขึ้นเงินเดือนและโบนัสที่จะได้
- อายุเฉลี่ยของบั๊กจะสั้นลงเพราะทุกคนจะขยันจัดการงานในส่วนนี้อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
- และอื่นๆอีกมาก
ประโยชน์ของการพัฒนาพวกนี้คืออะไร? มันคือภาพลวงตาและความหลอกลวงทั้งนั้น
การวัดผลที่ต้นทางและปลายทางต่างหากที่สำคัญแต่มักจะถูกมองข้ามเพราะเมื่อมองอย่างผิวเผินมันไม่ง่ายและมันลึกซึ้งกว่ามาก
การวัดผลที่ต้นทาง … คือพฤติกรรมที่มีส่วนส่งเสริมให้ทีมงานเปิดโอกาสให้ตัวเองทำงานที่ดีมีคุณภาพออกมา
- ทีมเวิร์ค
- ความรู้และทักษะที่ต้องใช้ในงาน
- ความรับผิดชอบ
- ความกล้าหาญในการคิดและแสดงออก
- ความทุ่มเทในการค้นหาความจริง
- การลองผิดลองถูกอย่างไม่ย่อท้อ
- ความอดทนต่อความผิดพลาดและล้มเหลว
- และอื่นๆอีกมาก
มันวัดผลยากกว่า? มันค่อนข้างเป็นนามธรรม แต่มันคือขุมทรัพย์
การวัดผลที่ปลายทาง … เป้าหมายสูงสุดของทุกอย่างที่ทำอยู่คืออะไร เรากำลังเดินเข้าใกล้หรือออกห่างจากมัน
- เรากำลังแก้ปัญหาที่แท้จริงให้ผู้ใช้หรือไม่
- เรากำลังแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ดีแค่ไหน
- มีกี่คนที่โปรดักท์ของเราทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น และจำนวนนี้มันเพิ่มจากการวัดผลครั้งที่แล้วหรือไม่
- เราสร้างโปรดักท์ที่ยั่งยืนและจะเติบโตอย่างมั่นคงหรือไม่
- เรามีความสุขกับความเป็นอยู่และเป็นไปของโปรดักท์ องค์กร ทีมงาน และตัวเองมากแค่ไหน
- เราสร้างรายได้ตามสมควรตามแผนที่ตั้งไว้หรือไม่
- และอื่นๆอีกมาก
มันวัดผลยากกว่า? มันเป็นเรื่องที่มีขอบเขตกว้าง แต่มันคือของจริง
การวัดผลที่ต้นทาง (พฤติกรรม) และปลายทาง (ผลลัพธ์) คือเรื่องจริงที่ยากต่อการหลอกลวง ถ้าเราใส่ใจในการวัดผลที่ต้นทางบวกกับปลายทางแล้วละก็ … การวัดผลตรงกลางจะกลายเป็นเรื่องไม่จำเป็นไปเลย — ยุ่งยาก วุ่นวาย ไร้ประโยชน์
ที่น่าสนใจที่สุดหลายคนคิดว่าการวัดผลอะไรที่เป็นนามธรรมนั้นยาก ไม่จริงเสมอไป สำหรับเรื่องพฤติกรรม การเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตการทำงานประจำวันของใครสักคนนึงเราก็จะได้รับรู้อะไรมากมายจนนับไม่ถ้วนแล้ว บรรยากาศ แนวคิด การร่วมมือ เป้าหมาย และทัศนคติ
สำหรับเรื่องผลลัพธ์ ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองออกไปรับรู้เรื่องราวจากโลกภายนอกดูบ้าง ลืมรายงาน การประชุม อีเมลแล้วออกไปพูดคุยกับผู้ใช้ตัวจริง กับพาร์ทเนอร์ที่ทำงานร่วมกันมา … ที่สำคัญเปิดโอกาสพูดคุยกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ดูบ้าง มองไปรอบตัวแล้วถามตัวเองว่านี่คือสิ่งที่ฉันอยากให้เป็นจริงหรือ?
ตราบใดที่เราใส่ใจสร้างพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนา พร้อมกับการกำหนดผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์และติดตามดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิด เราจะก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งพาการวัดผลที่ตรงกลางซึ่งเป็นเรื่องหลอกลวงเลยแม้แต่นิดเดียว