ไอเดียที่สดใหม่บริสุทธิ์นั้นหายากขึ้นทุกวัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งพวกเราทุกคนเป็นนักเลียนแบบด้วยกันทั้งนั้น
ตอนนู้นท่าแพล้งค์เป็นที่นิยมกลายเป็นกระแสของโลก ใครทำมันเป็นคนแรก? ใครจะสนเพราะสุดท้ายแล้วฉันก็แพล้งค์แล้วถ่ายรูปโชว์
ตอนนั้นไอซ์บั๊กเก็ตเป็นคำท้าทายยอดนิยมเป็นกระแสของโลกอีกเหมือนกัน ใครทำมันเป็นคนแรก? ใครจะสนเพราะสุดท้ายแล้วคนหลายล้านคนก็ทำตามแนวคิดนั้นในรูปแบบของตัวเอง
ความใหม่บริสุทธิ์เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น … แน่นอนเลย แต่การทำตามไอเดียเดิมที่มีอยู่แล้วในสถานการณ์ใหม่ๆก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย — ใครจะสนหละ?
ฉันอยากเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ ฉันอยากมีรถยนต์แบรนด์ตัวเอง
- รถยนต์: ฉันเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้เป็นคนแรกมั้ย? — ไม่ใช่
- รถยนต์ไฟฟ้า: ฉันเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้เป็นคนแรกมั้ย? — ไม่ใช่
- รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์: ฉันเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้เป็นคนแรกมั้ย? — ไม่ใช่
- รถยนต์ไร้คนขับ: ฉันเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้เป็นคนแรกมั้ย? — ไม่ใช่
- รถยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์สั่งงาน: ฉันเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้เป็นคนแรกมั้ย? — ไม่ใช่
- รถยนต์ที่บินได้: ฉันเป็นคนคิดค้นไอเดียนี้เป็นคนแรกมั้ย? — ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ
ถ้าไม่ใช่คนแรก ฉันควรหยุดความคิดที่จะสร้างรถยนต์มั้ย? — ไม่ใช่เลย แอปเปิ้ลก็ไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องของ “คนแรก” แต่เป็น “คนที่สองที่สามที่ทำได้ดีกว่าคนแรก”
นั่นแหละประเด็น การก๊อปปี้ไม่ใช่เรื่องผิดหรือน่าละอายอะไรทั้งสิ้นถ้าเราประยุกต์มันในสถานการณ์ที่ต่างๆไป ถ้าเราพยายามปรับปรุงไอเดียดั้งเดิมนั้นให้ดีขึ้น — สวยขึ้น แรงขึ้น เร็วขึ้น ช้าลง ราคาถูกลง น้ำหนักมากขึ้น น้ำหนักน้อยกว่าเดิม ใช้งานง่ายขึ้น ทนทานมากขึ้น
ไม่มีอะไรผิดที่จะพูดว่า “หนูเห็นเมืองนอกมีแบบนี้ค่ะ หนูเลยคิดว่าน่าจะทดลองเอามาใช้กับบ้านเราบ้าง”
ไม่มีอะไรผิดที่จะพูดว่า “ผมเห็นว่าซอฟต์แวร์ของเขาทำแบบนี้ได้ ผมเลยคิดว่าจะลองต่อยอดไอเดียของเค้าเพิ่มเติมแบบนี้ครับ”
แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้ามีคนพูดว่า “ไม่เอาดีกว่าครับ มีคนทำแล้ว”
ความดั้งเดิม (Originality) ความบริสุทธิ์ (Pure) ของไอเดียเป็นเรื่องหายาก … ว่ากันตามตรงคือไม่มีใครสนใจหรอกว่าใครจะเป็นต้นตำรับ ความสำเร็จมันขึ้นอยู่ที่ว่าใครปรับปรุงไอเดียพวกนั้นให้ตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ได้ดีกว่ากัน
ผมเขียนบทความนี้เพื่อย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่า “อย่าไปบ้าคำว่าดั้งเดิมให้มากนัก” 😆