เมื่อพูดถึงความอยากมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ … มันมีการต่อสู้อยู่สามรูปแบบดังนี้
ฟัดกันหลังเวที
โปรเจกต์ถูกเริ่มต้นมาด้วยคนกลุ่มเล็กๆที่มีความเชื่อในศักยภาพของสิ่งที่กำลังทำอยู่ ช่วงแรกไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ทิศทางของโปรเจกต์ไม่มั่วซั่วกระจัดกระจายเท่าไร ลองดูที่ลูกศร … มีแรงดึงจากคนไม่มาก โปรเจกต์ยังพอวิ่งไปได้
ผ่านช่วงแรกไป เริ่มมีคนให้ความสนใจในโปรเจกต์นี้มากขึ้น ต่างคนต่างอยากมีส่วนร่วม อยากใส่ไอเดีย (บ้าๆบอๆ) มากมายเพิ่มลงไป จนแรงดึงแรงฟัดมันพันกันอีรุงตุงนัง จากโปรเจกต์ที่กำลังเดินหน้าไปได้ กลับต้องมาหยุดรอให้ท่านๆฟัดกันให้จบก่อน ที่ทำมาแทบจะเสียเวลาเปล่า
ไม่เวิร์คอย่างรุนแรง
ฟัดกันตั้งแต่ก่อนขึ้นเวที
รูปแบบที่สองคือก่อนลงมือทำงานจริง เอาเลยลูกพี่ ตบตีตุ้ยท้องกันให้จบว่าใครใหญ่กว่าใคร ใครจะคุม ใครจะเป็นเจ้าของ ใครจะเป็นคนตัดสินทิศทางของงาน ใครจะกำหนดฟีเจอร์ที่ต้องมี พี่ล่อกันให้เละให้จบไปก่อนเลย
อาจจะใช้เวลาเยอะหน่อย แรกๆเหมือนจะไม่ได้งาน แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เราจะเริ่มเห็นโครงร่างของงาน เราจะมีโฟกัสและเริ่มเก็บเกี่ยวดอกผลจากการลงทุนลงแรงในช่วงแรกได้ชัดเจนขึ้น เมื่อมีโฟกัสและไม่มีการขัดจังหวะ งานก็จะเดินไปได้อย่างราบรื่น
ดีขึ้นๆ แต่ไม่ดีที่สุด
ฟัดกันนัวเนียตลอดทาง
มาแบบที่สามคือการฟัดกันต่อเนื่องอย่างเมามันตลอดทางแบบมีพักยก … ฟังดูเหมือนแย่แต่มันกลับได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ … เริ่มต้นด้วยการทำงานเล็กๆ จับคนที่เกี่ยวข้องมาตะบันหน้ากันให้จบภายในหนึ่งยก ใครชนะ เราทำตามคนนั้น
ระฆังยกสองดังขึ้น … ลุยต่อ แลกหมัดกันใหม่รอบนี้อาจจะไม่ใช่ตัวต่อตัว อาจจะมีมือที่สามสี่เข้ามา ไม่เป็นไร … ใครเหลือคนสุดท้ายเป็นผู้ชนะ เรายอมทำตามเขาในระหว่างพักยก … จากงานที่ขนาดเล็ก มันจะเริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นี่คือแนวคิดของการทำงานแบบวนๆ (Iteration) จะเรียกเป็นพื้นฐานที่ประยุกต์ใช้ทฤษฎีอะไจล์ก็พอได้อยู่ เมื่อเราไม่คิดมากเกินไป ไม่ตบตีกันนานเกินไป ไม่เชื่อว่าการวางแผนครั้งใหญ่ครั้งเดียวจะถูกต้องเสมอ
แต่เราเชื่อว่าการทำงานครั้งละเล็กๆหลายๆครั้งเมื่อทำต่อเนื่องผลลัพธ์ที่ได้จะดีกว่า ดังนั้นการตบตีกันเพื่อหาทิศทางของงานในช่วงสปริ้นท์แพลนนิ่ง สปริ้นท์กรูมมิ่ง หรือการถกเถียงกันนอกรอบเป็นเรื่องรับได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่หยิบงานเข้าสปริ้นท์แล้วต้องพักยกต้องหยุดออกหมัด อดทนรอเริ่มสปริ้นท์ใหม่ค่อยมาว่ากันใหม่
ให้ทีมได้มีโฟกัสในการทำงานอย่างสงบและมีสมาธิดีกว่าจะเอาเวลามาคอยนั่งลุ้นว่า “มวยมาราธอนรอบนี้ใครจะเจ๋งกว่ากัน”