ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นเป็นเรื่องยากและล้มเหลว “ภาวะความเป็นผู้นำ” เป็นหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้นที่สำคัญและมีส่วนอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้
เช่น การประยุกต์ใช้กระบวนการทำงานแบบใหม่หรือด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ … ถึงแม้จะอยู่ในบริษัทเดียวกันแต่ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงนั้นต่างกันลิบลับ บางทีมมีวินัยและความพยายามสุดท้ายพวกเขาก้าวหน้าไปได้ไกล ทิ้งอีกหลายทีมไว้ข้างหลัง — ทีมที่ต่างคนต่างไม่รู้หน้าที่ของตัวเอง ต่างคนต่างไม่มองไปที่เป้าหมายส่วนรวมเดียวกันและต่างคนตั้งคำถามในความสามารถของกันและกัน สุดท้ายก็ล้มเหลว การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ยั่งยืน
ปัจจัยสำคัญที่แยกระหว่างทีมที่ไปได้ไกลกับทีมที่ล้มลุกคลุกคลานคือ “ภาวะความเป็นผู้นำ” ไม่มีทีมที่ประสบความสำเร็จทีมไหนที่ขาดเรื่องนี้เลยสักครั้ง ความเป็นผู้นำแม้แต่จากเพียงคนแค่คนเดียวสามารถช่วยผลักดันให้ทีมทั้งทีมก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าได้ ความเป็นผู้นำนั้นสำคัญไม่แพ้ความสามารถส่วนบุคคลเลย
ความเป็นผู้นำไม่ได้แปลว่าต้องมาจากคนที่เป็นหัวหน้าหรือคนที่มีอำนาจ มันอาจจะมาจากใครก็ได้ในทีมของเรา
คนที่เชื่อมั่นในอนาคตที่ดีกว่า คนที่หงุดหงิดและเริ่มทนไม่ได้กับปัญหาในปัจจุบัน คนที่มีความกล้าพร้อมทุ่มเทเพื่อคนในทีม — ใครมีคุณสมบัติแบบนี้ถือว่ามีความเป็นผู้นำและเมื่อเขาลงมือตะลุยทำจริง คนนั้นคือผู้นำ
กลยุทธ์สร้างผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับคนในทีมคือกุญแจดอกใหญ่ เพราะท้ายที่สุดเราจะปลูกฝังแนวคิดและการทำงานใหม่ๆได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนสอนแต่ขึ้นอยู่กับคนทำและคนทำก็คือคนในทีม
ถ้าเรากำลังสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมทีมนี้สอนเท่าไรก็ไม่จำ ทำเท่าไรก็ไม่ดี ลองสังเกตดูซิว่าทีมนี้มีสมาชิกที่มีภาวะความเป็นผู้นำอยู่บ้างมั้ย … ถ้าไม่มีก็ลองหาคนแบบนี้เข้ามาร่วมทีม — หลายอย่างจะดีขึ้นเอง