คนบางคนมีพรสวรรค์ในการหาจุดบกพร่องของทุกเรื่องจากทุกคนในทุกเวลา เป็นไปได้สูงว่าเราเคยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่ปนกับความน่าขำขันเมื่อห้องประชุมถูกแบ่งเป็นสองฝาก หนึ่งคือคนที่พยายามทำงานเพื่อความสำเร็จ เพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นบนโลก อีกหนึ่งคือคนที่หายใจเข้าเป็นคำว่า “ไม่ดี” หายใจออกเป็นคำว่า “ผิด” คนที่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเพียงเพื่อจับผิดและวิจารณ์ในทางที่ไม่สร้างสรรค์
- วางแผนแบบนี้ไร้เดียงสาไปรึเปล่า
- คุณไม่รู้หรอว่าทำแบบนี้ไม่ได้หรอก คนเก่าเคยลองมาแล้ว
- ผมว่าคุณมาผิดทางแล้ว
- คุณทำข้ามขั้นแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ มันต้องขออนุมัติจากคนนี้ก่อน
- ดูตัวอย่างจากคู่แข่งสิ ลองคิดจะทำอะไรประมาณนี้แล้วแป๊กอะ ไม่ดีหรอก
- ออกแบบแอพมาแนวนี้ผมว่าไปไม่รอดหรอก ไม่เห็นจะมีจุดเด่นตรงไหน
- โหย นี่ใช้งบประมาณเยอะไปมั้ย ระบบเล็กแค่นี้เองนะ
- อื่นๆอีกเยอะ
คนผู้มีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง (แต่ไม่น่าอิจฉานี้) มีลักษณะเฉพาะตัวบางอย่างที่เราพอจะสังเกตได้คือ
- เป็นคนที่มีอำนาจเยอะพอสมควร (ระดับหัวหน้า)
- ทุกอย่างที่คนอื่นคิดจะ “แย่” ไว้ก่อนเป็นดีฟอลท์
- ตัดสินใจจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีข้อมูลเชิงลึกมาประกอบ
- เน้นขัดคอ ไม่เน้นเสนอทางเลือกอื่น
- ไม่ต้องการมีส่วนรับผิดชอบอะไรใดๆ (“นี่ผมเตือนพวกคุณแล้วนะ ถ้ายังจะทำแบบนี้อีกแล้วเกิดปัญหา ผมไม่ขอรับรู้ไม่ขอเกี่ยวข้องอะไรด้วยนะ)
สองข้อสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้คนประเภทนี้ไม่น่าคบหาสมาคมด้วยเป็นที่สุด วิจารณ์ได้ออกความเห็นส่วนตัวได้แต่ได้โปรดเถอะในฐานะผู้มีสมองปราดเปรื่องที่สุดในสามโลกช่วยชี้ทางสว่างให้กันบ้าง
ถ้าชีวิตเราโชคร้ายต้องประสบพบเจอคนแบบนี้ ขอให้ระลึกไว้อย่างหนึ่งว่า
ถ้าเราไม่ได้คิด ถ้าเราไม่ได้ลงมือทำ คนพวกนี้ก็จะไม่มีอะไรให้บ่นให้ด่าให้โชว์พาวเวอร์ — นั่นแปลว่าระหว่างที่พวกเขาขยับปาก เราขยับสมองขยับตัวเพื่อสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่างนึง อะไรที่จริงจังและจับต้องได้มากกว่าแค่คำพูด และนั่นก็แปลว่าเราเหนือกว่าคนเหล่านี้อยู่อย่างน้อยหนึ่งขั้นเสมอ
ปล่อยพวกเขาพูดไป รับฟังไว้บ้าง ยิ้มให้หวานๆ แล้วก็ปล่อยผ่าน — พวกเขาซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในโลกไม่เข้าใจสิ่งที่เราคิด ไม่อินกับสิ่งที่เรากำลังทำ ก็ไม่เป็นไร อย่าถอดใจกับคำวิจารณ์จากมนุษย์พลังลบ มองโลกแง่บวกไว้ว่ามีคนอีกมากมายรอคอยและจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่เรากำลังทำอยู่