🌚 ต้องประชุม?

มีคนมากมายบ้าการประชุม ขอเดาว่าเพราะมันเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่ช่วยบำบัดความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรทำ ตัวเองไม่ได้ทำอะไร และความรู้สึกที่ว่างานไม่คืบหน้าไปไหน … เอะอะจัดประชุม

  • เฮ้ย ตอนนี้งานถึงไหนแล้ววะ … จัดประชุม
  • อืม ปัญหานี้คิดไม่ตกหวะ … จัดประชุม
  • เยสสส คิดออกแล้ว … จัดประชุม

มีคนมากมายเหมือนกันที่เห็นบัตรเชิญเข้าประชุมแล้วรู้สึกดี ขอเดาว่าเพราะมันเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่ช่วยบำบัดความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่มีอะไรทำ ตัวเองไม่ได้ทำอะไร และความรู้สึกที่ว่างานไม่คืบหน้าไปไหน … เอะอะเข้าประชุม

อีกเหตุผลหนึ่งคือความกลัวที่จะพลาดอะไรไป ภาษาอังกฤษเรียกอาการนี้ว่า “FoMO” = Fear of Missing Out ว่าแล้วก็เข้ามันทุกประชุม มีคนกล้าส่งบัตรเชิญก็กล้าเข้า ไม่รู้หละว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว กลัวพลาดเรื่องเด็ดไป

เราสังเกตมิสเตอร์ FoMO ได้ง่ายๆ ใครที่เดินเข้าห้องประชุมพร้อมแล็ปท็อป อ้อมโต๊ะประชุมไปนั่งห่างๆผู้คน วางแล็ปท็อปบนโต๊ะ เปิดฝาก้มหน้าและทำอะไรบ้างอย่างอยู่แบบนั้น (งานบ้าง แชตบ้าง เวปบ้าง) ทุกๆสองนาทีจะเงยหน้าขึ้นมาดูว่าโลกนี้มันหมุนไปถึงไหน แล้วก็ก้มหน้ามองจอต่อไป จนจบประชุมเราจะไม่ได้ยินเสียงมิสเตอร์ FoMO เลย

เรื่องนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง เพราะมีคนรักการเข้าประชุม มันเลยมีคนเอนเจยกับการจัดประชุม กฎอุปสงค์-อุปทานล้วนๆในเรื่องนี้ แต่ก็มีบางคนที่ชอบในมุมกลับกัน คนที่เป็นพวก “JoMO” = Joy of Missing Out เป็นพวกคนที่มีความสุขที่ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรมากมาย มีความสุขที่จะรู้เรื่องต่างๆเป็นคนสุดท้าย มีความสุขที่จะพูดว่า “อ่าวหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” และมีความสุขที่จะนั่งก้มหน้าทำอะไรบางอย่างกับแล็ปท๊อปที่โต๊ะตัวเอง

เคยพิสูจน์สมมติฐานแบบนี้มั้ย? … “ถ้าเราไม่เข้าประชุมหนึ่งครั้ง เราจะไม่จำเป็นต้องเข้าอีกต่อไปเลย” ว่าแล้วก็ลองปฏิเสธการเข้าประชุมสำคัญครั้งนึง มองหาการประชุมที่เกี่ยวกับเราโดยตรงและเป็นประชุมที่เราสามารถมีส่วนร่วมในการถกประเด็นได้อย่างเต็มที่ … ถ้าเราแกล้งไม่สนใจด้วยการกดปฏิเสธไปเบาๆ อะไรจะเกิดขึ้น?

  1. ถ้าการประชุมนี้ไม่ถูกยกเลิก — แปลว่าเราก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
  2. ถ้าเมื่อประชุมจบ มีคนมาเล่าให้เราฟังด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องประชุม ถกกันเรื่องอะไร ใครพูดยังไง และผลสรุปคืออะไร — แปลว่าเราก็เป็นคนสำคัญระดับหนึ่งที่มีคนอยากจะมาแชร์เรื่องราวต่อใน 10 นาที โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลานั่งในห้องประชุมตั้ง 3 ช.ม.
  3. และเมื่อมีการประชุมต่อเนื่องในเรื่องเดียวกันนี้ เราอาจจะไม่ได้รับการเชิญให้เข้าร่วมอีกเลยหรือไม่?

ผลลัพธ์จากการทดลองนี้อาจจะให้แง่คิดกับเราสองข้อ

  1. ถ้าเราเป็นคนจัดประชุม … คนที่เราคิดว่าสำคัญต่อการประชุมนี้พวกเขาไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เลือกเฉพาะคนที่เรามั่นใจว่าถ้าเขากดปฏิเสธแล้วเราต้องเลื่อนประชุม … คนเข้าประชุมจะลดลงเกินครึ่ง
  2. ถ้าเราเป็นคนถูกเชิญเข้าประชุม … เราไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก ถามตัวเองดูว่าถ้าเราไม่ว่างประชุมนี้ต้องเลื่อนมั้ย? ถ้ามันแย่ขนาดนั้นก็ตอบรับไป ถ้าไม่ใช่ก็ปฏิเสธในทุกกรณี

ถ้าเราเบื่อการประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพมากๆ และถ้าเราเชื่อว่าการที่จะปรับปรุงการประชุมให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องยากมาก (เพราะคนส่วนใหญ่ไม่แคร์) สิ่งที่ง่ายและควรทำมากกว่าคือลดจำนวนการประชุมลง ถ้าเราเป็นเจ้าของประชุมคิดให้เยอะว่ามันจำเป็นจริงมั้ย ถ้าเราเป็นคนถูกเชิญให้ปฏิเสธไว้ก่อนเพราะการประชุมเกินครึ่งนั้นเป็นเรื่องไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร และไม่คุ้มค่ากับเวลาชีวิตที่เราต้องเสียไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *