การประชุมไม่ได้มีไว้เพื่อการคิดอย่างลึกซึ้ง … จริงอยู่ที่เราอาจจะได้ประโยชน์ในบางมุมจากมัน เช่น การประชุมเพื่อรายงานผล การประชุมเพื่อยืนยันความเข้าใจในบางเรื่อง การประชุมเพื่อการลงคะแนนโหวต การประชุมเพื่อเลี้ยงสังสรรค์ แต่การประชุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมกลุ่มใหญ่นั้นไม่เคยช่วยให้เราคิดได้ดีขึ้นหรือหาข้อสรุปที่เหมาะสมขึ้นกว่าเดิม
ความคิดที่ดีที่แตกต่างและตกผลึกไม่เคยผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในห้องประชุมความคิดที่จะพลิกเกมส์ไม่เคยเปิดเผยตัวออกมาท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวในห้องประชุม ความคิดในเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมไม่เคยเกิดขึ้นจากการที่ประธานในที่ประชุมประกาศว่า “เอ้า ใครมีความคิดอะไรดีๆบ้าง?” ความคิดดีๆมีโอกาสสูงที่จะถูกตีตกเพราะความคิดแบบกลุ่มโดยรวม (พวกมากลากไป)
ความคิดดีๆจะเกิดขึ้นได้เมื่อเราลุกจากโต๊ะทำงาน เราออกไปวิ่ง เราออกไปเดิน เราใส่หูฟัง เราหยิบหนังสือมาอ่าน เราเริ่มลงมือเขียน เรานอนหลับสักงีบ และที่สำคัญที่สุด … เมื่อเราอยู่คนเดียวในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับลักษณะชีวิตของเรา
ความคิดที่ดีจะกลายเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมเมื่อเราให้เวลาอยู่กับมันสักพักเพื่อเรียบเรียงและพิจารณาหน้าหลังอย่างถี่ถ้วน — เราทำแบบนี้ไม่ได้ในห้องประชุม
ความคิดที่ดีจะกลายเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมเมื่อเราเลือกที่จะแบ่งปันมันให้กับคนกลุ่มเล็กๆที่เราไว้ใจและเชื่อมั่นในความรู้ประสบการณ์ของพวกเขาฟังเพื่อรับมุมมองที่ต่างออกไป — เราทำแบบนี้ไม่ได้ในห้องประชุม
ความคิดที่ดีจะกลายเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมเมื่อเราแจ้งให้คนอื่นรับทราบอย่างมีที่มาที่ไปและมีแผนงานรองรับ — ใช่ เราทำแบบนี้ได้ในห้องประชุม
ความคิดที่ดีต้องการแค่คนที่คิดเป็นและรู้วิธีการต่อยอดความคิดนั้นอย่างมีระบบ ความคิดที่ดีไม่ต้องการคนคิดเพิ่มขึ้น ไม่ต้องการคนวิจารณ์เพิ่มขึ้น ยอมรับเถอะว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีทักษะในด้านการคิด ไม่ใช่ทุกคนจะคิดเป็น ชอบคิด อยากคิด หมกมุ่นกับการคิด … ยอมรับเถอะว่าคนส่วนใหญ่อยากเป็นแค่ผู้ฟังและคนรับสารเท่านั้น
ประโยชน์อะไรที่จะบังคับคนที่ไม่อยากคิดมาเข้าห้องประชุมเพื่อฟังประโยคที่ว่า “เอ้า คิดยังไงกันบ้าง?” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า … การประชุมไม่เคยมีไว้เพื่อการคิด
เราจึงควรต่อต้านการประชุมกลุ่มใหญ่ ความรู้สึกแรกถ้าเห็นห้องประชุมเต็มเอี้ยดจนเก้าอี้นั่งไม่พอ เราก็จะฟันธงในใจไปเลยว่า “เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์”
องค์กรที่ก้าวหน้าคือองค์กรที่ใช้เวลาได้มีประสิทธิภาพสูงสุด องค์กรเหล่านี้จะมีคนที่คิดเป็นอยู่จำนวนมาก คนที่คิดเป็นคือคนที่รู้ว่าเมื่อไรต้องอยู่คนเดียว เมื่อไรต้องเริ่มมองหาความคิดเห็นเพิ่มเติม และเมื่อไรความคิดนี้พร้อมต่อการเปิดเผยตัวตน คนที่คิดเป็นไม่เคยหวังพึ่งการประชุมเพื่อทำให้งานเขาสำเร็จ ในทางตรงข้ามพวกเขาพยายามสุดตัวที่จะไม่เดินเฉียดใกล้ห้องประชุมเลย