หลายครั้งเรื่องใจสำคัญกว่าเรื่องตัวเลขและเรื่องผลประโยชน์ตอบแทน
“ฝากไปคิดดูหน่อยนะครับว่าสะดวกใจที่จะทำงานร่วมกับผมมั้ย?”
ผมย้ำประโยคนี้ไปสองครั้งในบทสนทนาระหว่างตัวผมเองและบริษัทที่กำลังจะมาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ สถานการณ์ที่ไม่เป็นใจและเราทั้งสองฝ่ายเริ่มมองเป้าหมายปลายทางที่ต่างกันทำให้ผมต้องเดินย้อนกลับมาหาสิ่งที่สำคัญที่สุด … เรื่องของใจ
ด้วยสาเหตุที่เงื่อนไขทางธุรกิจมีมากมายหลายข้อ การจะเริ่มต้นเป็นพาร์ทเนอร์กันต้องการความเป็นทางการ ข้อตกลงทางกฎหมาย ความเข้าใจที่ตรงกันหลายต่อหลายเรื่อง ความคาดหวัง ผลตอบแทน และข้อห้าม … สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึกสะดวกใจและไว้ใจซึ่งกันและกัน
การร่วมงานกันด้วยใจจะสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานที่สูงกว่าเรื่องข้อตกลงในกระดาษ
“แล้วข้อตกลงในรายละเอียดหละค่ะ ภายในสามวันนี้อ่านไม่ทันแน่ๆค่ะ” — คนที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์พูดกับผมมาแบบนี้
“ตอนนี้ยังไม่ต้องลงรายละเอียดมากครับ แค่ฝากไปคิดก่อนว่าโดยรวมๆที่เราคุยกันเมื่อกี๊นั้นโอเคมั้ย และที่สำคัญคือสะดวกใจที่จะร่วมงานกับผมมั้ย ที่เหลือเราตกลงกันภายหลังได้ครับ” — ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบมาก (ฮ่าๆ ปกติไม่เสียงแข็งแบบนี้)
ผมบอกเป็นนัยว่า ผมเป็นคนแบบนี้ บริษัทผมมีแนวทางการทำงานแบบนี้ ผมไม่คิดจะเปลี่ยนสิ่งที่ผมเป็นในเร็วๆนี้ … รับได้มั้ยที่ผมเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ได้ก็จบความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ ผลประโยชน์ ผลตอบแทน โอกาสทางธุรกิจ เงิน ชื่อเสียง … ไม่สำคัญเลยถ้าใจไม่มา
ชีวิตคนเราสั้นนัก หนึ่งปีผ่านไปเร็วเหมือนหนึ่งเดือน ผมไม่อยากเสียเวลากับปัญหาร้อยแปดที่จะตามมาเพราะการยึดเงินและผลตอบแทนเป็นตัวตั้ง ผมไม่อยากเสียเวลาชีวิตไปกับการร่วมงานกับคนที่ไม่ได้ใจซึ่งกันและกัน ถ้าใจไม่มา ผมก็ไม่ต้องการอะไรจากพวกเค้าทั้งสิ้น
คำว่าใจแปลว่าท้ังสองฝ่ายจะเข้าใจหัวอกซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายจะพยายามประนีประนอมและหาจุดลงตัวในผลประโยชน์ของกันและกัน ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องปิดบังปัญหาที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นจากกันและกัน …คำว่าใจจะไม่มีการตั้งแง่และหาคนผิด โยนความผิด หรือสรรหาข้ออ้างมาปกป้องตัวเองเมื่อเกิดปัญหาขึ้น คำว่าใจไม่ต้องการการสร้างภาพ ไม่ต้องการการประจบประแจง ไม่ต้องการการสรรเสริญเยินยอจนเกินงาม
สำหรับผม ถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องจะดีกว่า ❤️