“เราจะเลือกเรียนรู้และเพิ่มทักษะเรื่องอะไรดี?” — คำถามที่น่าสนใจ ขอตอบจากประสบการณ์ของตัวเองแบบนี้ครับ
ในการทำงานส่วนใหญ่ความรู้และทักษะแบ่งเป็นสองด้านใหญ่ๆ หนึ่งความรู้ในหลักการ เป็นความรู้ที่มีไว้ตอบคำถามประเภท “ทำไม”, “อะไร”, และ “ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ”
และสองความรู้ในตัวงานซึ่งเป็นความรู้ที่ใช้ในการลงมือทำงานจริงและตอบคำถามประเภท “อย่างไร” เป็นความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานเทคนิคซะเป็นส่วนมาก
นี่ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบแบบขาวหรือดำ มันไม่มีอะไรผิดอะไรถูก แต่ส่วนตัวผมใช้กฎอุปสงค์-อุปทานในการเลือกที่จะหาความรู้อะไรเพิ่มเติม … ยังไง?
ลองสำรวจดูว่าตอนนี้ตลาด (ทีมเรา) ต้องการอะไร แล้วก็ผลิตสินค้า (ความรู้) แบบนั้นออกมาขาย
ที่เลือกทำแบบนี้ผมอยากทำให้ตัวเองเป็นส่วนเติมเต็มที่ดีได้สำหรับทีมครับ ผมเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นโปรแกรมเมอร์ (กากๆของจริง 😅) ก็รู้ว่าไม่เก่งเรื่องนี้อยู่ไปก็ไม่รุ่งแน่เลยต้องมองหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติม มองไปตอนนั้นคนในทีมผมทุกคนเป็นเด็กเนิร์ด เทคนิคัลจ๋ากันหมด เรื่องความรู้ในตัวงานแน่นปึ้ก ไอ้การที่ผมจะไปเรียนรู้เรื่องซ้ำกับพวกเขา ทำยังไงก็ไม่เก่งไปกว่าพวกเขาแน่ๆ ผมหนีดีกว่า ผมหนีออกมาหาความรู้ที่เป็นหลักการเพราะผมเห็นแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการแต่ไม่มีการผลิตสินค้านี้ออกมาขาย ว่าแล้วผมก็เริ่มเรียนรู้คำว่า Project Management อย่างจริงจัง
ความรู้ในหลักการช่วยให้ผมมีที่ยืนที่มั่นคงขึ้นในสังคม 😐 เพราะผมมีความรู้ที่จะรับทำงานที่เด็กเนิร์ดไม่ชอบทำเช่น วางแผน ประเมินเวลา ติดตามงานในโปรเจกต์ ทำเอกสาร ทำรายงาน จัดการประชุมกับเพื่อนร่วมงานต่างชาติ อื่นๆ
เวลาผ่านไปไม่นาน ผมเริ่มขยายการเรียนรู้ของผมมาที่หลักการใหม่ในตอนนั้น Agile Software Development เพราะผมเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่ามันเป็นความต้องการใหม่ที่ตลาดยังไม่มี จนผมมีโอกาสได้ลองประยุกต์ใช้หลักการนี้ในงานจริงที่ทีมทำ
วิธีการที่ผมใช้นั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า … ค้นหาจุดหอมหวานในตลาดของคุณ 🥶 แปลกๆมั้ย จุดหอมหวานในที่นี้คือ Sweet Spot ซึ่งหมายถึงจุดที่เป็นการรวมของปัจจัยสองปัจจัยขึ้นไปแล้วให้ผลลัพธ์ที่สูงที่สุด — Sweet Spot ของตลาดที่ผมอยู่คือความรู้ในการทำงานของเพื่อนๆ + ความรู้ในหลักการของผม = ความสำเร็จและความมันอย่างไร้ขีดจำกัด
ที่น่าสนใจมันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าเราเปรียบเทียบตลาดเป็นทีมซอฟต์แวร์หรือบริษัทซอฟต์แวร์ รู้มั้ยว่าตลาดนี้มีอะไรเหมือนๆกัน มีความต้องการและความขาดแคลนเหมือนๆกัน … ในวันที่ผมมีโอกาสได้เป็น Project Manager ความรู้ในหลักการที่ผมมีจะช่วยเติมเต็มให้กับทีมอื่นๆที่ผมทำงานด้วย ในวันที่ผมเปลี่ยนงาน ความรู้ในหลักการที่สะสมมาก็เป็นจุดแข็งและจุดเติมเต็มให้กับงานใหม่และเพื่อนร่วมงานกลุ่มใหม่ของผมด้วย … นี่คือการเพิ่มโอกาสและทางเลือกให้กับชีวิตตัวเองไปในตัว
ผมชอบข้อความนี้มากๆ มากๆ เสียดายที่ไม่รู้ใครพูดไว้
“I did something no one else is willing to do.”
Pick one thing other people aren’t willing to do. Pick something simple. Pick something small. Whatever it is, do it. Instantly, you’re a little different from the rest of the pack. Then keep going. Every day, do one thing no one else is willing to do. After a week, you’ll be uncommon. After a month, you’ll be special. After a year, you’ll be incredible, and you won’t be like anyone else. You’ll be you.
แปล
“ฉันทำบางอย่างที่คนอื่นไม่เต็มใจทำ”
“เลือกซักงานที่คนอื่นไม่เต็มใจทำ เลือกอะไรง่ายๆ เลือกอะไรเล็กๆ อะไรก็ได้แล้วทำซะ ในทันทีคุณจะแตกต่างจากคนอื่นที่เหลือทั้งโขลง แล้วทำมันต่อไป ทุกๆวันเลือกทำหนึ่งอย่างที่คนอื่นไม่เต็มใจทำ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์คุณจะแหวกแนว ผ่านไปหนึ่งเดือนคุณจะเป็นคนพิเศษ ผ่านไปหนึ่งปีคุณจะเป็นมนุษย์ที่น่าเหลือเชื่อ และคุณจะไม่เป็นเหมือนใครเพราะคุณจะเป็นคุณ”
จุดหอมหวานของเพื่อนๆคืออะไรครับ? 🍦🍩🍪🍮