มันเหมือนว่าเราอยู่ในประเทศที่ไม่ยอมสร้างรถไฟฟ้าในหัวเมืองใหญ่เพราะมันต้องลงทุนสูง 🚝
มันเหมือนเราไม่ยอมซื้อระบบบัญชีมาใช้เพราะตอนนี้ทำทุกอย่างในไมโครซอฟต์ เอ็กเซลเถื่อนที่ดาวน์โหลดมาฟรี 👨🏼💻
มันเหมือนเราไม่พยายามส่งลูกไปเรียนหนังสือในสถาบันที่ดีที่สุดเพราะค่าเทอมมันแพงกว่าโรงเรียนแถวบ้าน 🚌
มันเหมือนอะไร?
มันเหมือนเราสนใจแค่ต้นทุนและมองข้ามผลตอบแทน แน่นอนว่าการสร้างรถไฟฟ้าหนึ่งสายต้องใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท นั่นมันงบประมาณมหาศาลมาก ลองคิดดูสิว่าเงินขนาดนั้นสร้างและขยายถนนในกรุงเทพได้กี่เส้น ว่าแล้วก็ขุดเจาะทำถนนให้รถมาจอดนิ่งๆกันต่อไป
แน่นอนว่าการซื้อระบบบัญชีต้องใช้เงิน แต่เราจะเสียเงินทำไมละเมื่อเรามีของเถื่อนให้ใช้แล้ว ประหยัดต้นทุนไว้ดีกว่า ปล่อยให้เราบัญชีเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวคาราคาซังแบบนั้นต่อไป
ลูกเราจะเรียนดีเรียนแย่ไม่เกี่ยวกับสถาบัน มันอยู่ที่ตัวเด็กเอง ทำไมต้องจ่ายค่าเทอมแพงๆในเมื่อโรงเรียนข้างบ้านก็สอนป.1 ถึง ป.6 ได้เหมือนกัน
มันมีสองด้าน มันอยู่ที่เราจะเลือกมองด้านไหน เมื่อข้อเสนอและโอกาสมาวางอยู่ข้างหน้า เรามองเห็นค่าใช้จ่ายสามหมื่นล้านบาทหรือการแก้ปัญหาจราจรและขยายความเจริญของเมืองออกไปรอบนอก
เรามองเห็นค่าไลเซนส์ระบบบัญชีปีละสองหมื่นบาทหรือความถูกต้องและรวดเร็วของข้อมูลบัญชีและการเงินที่ใช้ในการบริหารธุรกิจ
เรามองเห็นค่าใช้จ่ายหนึ่งแสนบาทต่อเทอมหรือโอกาสที่ลูกจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่จะช่วยให้เขาโตขึ้นไปเป็นคนดีมีคุณภาพ
เรามองเห็นต้นทุนหรือผลตอบแทน?
ผมเล่าจากประสบการณ์จริงของคนที่พยายามทำซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ออกมาขายครับว่า คนส่วนใหญ่ที่ผมมีโอกาสคุยด้วยนั้นมองต้นทุนเป็นหลัก คำถามของพวกเขาจึงเริ่มด้วย
- คิดราคาชิ้นละเท่าไร?
- เครื่องนี้ตัวเท่าไร?
และเมื่อทราบราคาไป ทุกอย่างจะจบแค่นั้น ไม่สนใจว่าเงินที่จ่ายไปมันจะตอบแทนคืนมาเป็นอะไรบ้าง ข้อดี ผลประโยชน์ การลดต้นทุนในการปฏิบัติงานในระยะยาว เพิ่มยอดขาย เพิ่มกำไร สร้างภาพลักษณ์ ไม่มีทั้งสิ้น ทุกอย่างจบลงเมื่อทราบว่าราคาเท่าไร
แนวคิดของพวกเขาคือการเปรียบเทียบว่าของที่ใช้อยู่ราคาต้นทุนเท่าไร และถ้าของใหม่แพงกว่าคือจบ ไม่คิดต่อ ไม่ลงทุน
มันน่าเสียดายเพราะเค้ากำลังเปรียบเทียบรถไฟฟ้ากับถนนสายใหม่ ใช่ มันคือโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินทางเหมือนกันแต่มันคืออะไรที่ต่างกันคนละขั้วในแง่วัตถุประสงค์ประโยชน์ระยะยาวและความคุ้มค่าในภาพรวม
มันน่าเสียดายเพราะการตัดสินใจด้วยการมองต้นทุนเพียงอย่างเดียวโดยไม่พิจารณาผลตอบแทนให้ถี่ถ้วนจะทำให้พวกเขาเสียโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้ทันโลก และพวกเค้าก็พร่ำบ่นทุกวันว่าเศรษฐกิจแย่และแข่งขันยากขึ้นในโลกปัจจุบัน
แล้วทำไมผมถึงไม่แปลกใจในสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่เลยซักนิด? เพราะคนที่พวกเขากำลังแข่งขันด้วยอยู่ คนที่ทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากคือคนที่มองต้นทุนและผลตอบแทนอย่างเป็นกลาง … ไม่ใช่สิ พวกเขาคือคนที่ยึดผลตอบแทนเป็นหลัก ถ้ามันมีโอกาสจะได้อย่างที่เขาต้องการ เรื่องต้นทุนคือสิ่งที่จัดการได้
พวกเขาพร้อมเสี่ยง พวกเขาถึงก้าวไปได้ไกลกว่า และคนที่มัวแต่ตั้งคำถามว่าชิ้นละเท่าไร ราคาเท่าไร แพงกว่าของเดิมมากมั้ยโดยไม่มองภาพรวมคือคนที่กำลังจะเป็นอดีตไปอย่างช้าๆ