การทำงานหนัก = ความสำเร็จ … โชคร้ายหน่อยที่มันไม่ใช่สมการที่เป็นจริงเสมอไป
- อ่านหนังสือและเตรียมตัวอย่างหนักแต่สอบตก 😢
- ทุ่มเทหามรุ่งหามค่ำทำซอฟต์แวร์ที่สุดท้ายไม่มีคนสนใจ 🤦🏼♂️
- ซุ่มคิดและฝึกซ้อมแต่การออดิชั่น 20 ครั้งที่ผ่านมาจบลงด้วยคำว่า “ไม่” 💔
การทำงานหนักไม่ใช่แค่หนึ่งวันแต่เป็นหนึ่งเดือนไม่ใช่หนึ่งเดือนแต่เป็นหนึ่งปีหรือแม้แต่หลายปีไม่สามารถการันตีความสำเร็จอย่างที่คาดหวัง แต่สิ่งที่เราจะได้กลับคืนมาแน่ๆคือความเหนื่อย ความล้า ความท้อแท้ การหมดพลัง ความเครียด และความเสื่อมลงของสุขภาพ … แต่เราก็ยังทำงานหนักกันอยู่ทุกวัน นั่นอาจจะไม่ได้เกิดจากความเต็มใจแต่เพราะนโยบายบริษัทบวกกับวัฒนธรรมองค์กรที่ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานความเชื่อที่ผิดๆว่า “ความสำเร็จเกิดจากการทำงานหนัก”
มันมีปัจจัยอีกมากมายที่ผสมผสานกันก่อตัวเป็นความสำเร็จ การทำงานอย่างรู้ตัวเอง การทำงานอย่างรู้จริง การทำงานอย่างฉลาด การทำงานอย่างมีโฟกัส การทำงานอย่างมีสมาธิ การทำงานด้วยคุณภาพ การทำงานด้วยทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม การทำงานที่คล่องตัว การทำงานอย่างไม่หลอกตัวเอง และแน่นอนการทำงานหนัก … แต่คำว่า “หนัก” เป็นเพียงส่วนหนึ่งของส่วนผสมนี้เท่านั้น
ในขณะที่มีองค์กรมากมายเลือกจะหยิบคำว่า “หนัก” มาเป็นตัวตั้ง (ใครทำงานดึกคือคนขยันและน่าชื่นชมและมีโอกาสก้าวหน้ามากกว่าคนที่กลับบ้านตรงเวลา?) ผมและบริษัทของผมเลือกที่จะไม่เชื่อในคำว่า “หนัก” พวกผมเลือกที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ให้ความสำคัญกับ
- การรู้ตัวเอง
- การรู้จริง
- ความฉลาด
- การมีโฟกัส
- การมีสมาธิ
- คุณภาพ
- ทีมเวิร์ค
- ความคล่องตัว
- การไม่หลอกตัวเอง
เพราะพวกผมเชื่อว่าถ้าเราสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เหมาะสมแล้วการทำงานหนักจะมีความจำเป็นน้อยลง การทำงานหนักจะกลายเป็นแค่ทางเลือกที่ไม่ใช่ข้อบังคับ การทำงานหนักจะกลายเป็นสัญญาณอันตรายไม่ใช่เรื่องน่าชื่นชม
ความสำเร็จไม่ได้มาจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว มองปัจจัยอื่นก่อน สร้างระบบที่ลดความสำคัญของการทำงานหนักลงแล้วเราจะขยับเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น
ป.ล. หนึ่งวันนับได้แปดชั่วโมงกับเวลาทำงาน นั่นเยอะมากนะ เราสร้างความก้าวหน้าให้กับงานได้มหาศาลถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สำหรับผมแล้วแปดชั่วโมงต่อวันนั่นมากเกินพอ (อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำในบางวัน) 🤷🏽♂️