✍🏼 ไม่เคยมากเกินไป?

อะไรบ้างที่ไม่มีคำว่ามากเกินไป? ผมเองคิดว่าเงินและกำไรคือสิ่งจับต้องได้ที่เราไม่เคยเบื่อถ้ามีมากเกินไป ก็ชัดเจนว่าเราทำธุรกิจเพื่อสร้างเงิน … กรณีนี้ยิ่งมากยิ่งดีตราบใดที่เราใช้มันอย่างถูกวิธี

บางคนคิดว่าฟีเจอร์ยิ่งมากยิ่งดี ฟีเจอร์ช่วยให้เราขายได้ ฟีเจอร์ช่วยให้เรานำหน้าคู่แข่ง ฟีเจอร์ดึงดูดฟีดแบคดีๆ … กรณีนี้เป็นเรื่องที่มองได้สองด้านและมีโอกาสสูงที่เราจะเสียใจภายหลังที่ทำโปรดักท์ที่มีฟีเจอร์มากเกินไป

  • เมื่อลูกค้าไม่เคยรู้ว่ามีฟีเจอร์นี้อยู่
  • เมื่อโปรดักท์เริ่มใช้งานยาก
  • เมื่อจัดเทรนนิ่งให้ผู้ใช้กลายเป็นงานที่ต้องทำบ่อยๆ
  • เมื่อซัพพอร์ตเคสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • เมื่อโค๊ดขยายตัวจนจัดการไม่ได้
  • เมื่อโปรเจกต์เสร็จช้าเพราะมีงานต้องทำเยอะขึ้น
  • เมื่อระบบทำงานช้าลงเพราะต้องทำงานหนักขึ้น
  • เมื่อทีมเซลล์ไม่รู้จะหยิบอะไรขึ้นมาเป็นจุดเด่นเพื่อขายของ

มันมีฟีเจอร์อยู่สองแบบ หนึ่งคือฟีเจอร์มาตรฐานที่คนส่วนใหญ่คิดว่าต้องมี และสองฟีเจอร์พิเศษที่ทำให้โปรดักท์ของเราสร้างคุณค่าให้ผู้ใช้ได้มากกว่าเดิม

มันคือศิลปะในการสร้างสมดุลระหว่างฟีเจอร์ทั้งสองแบบนี้ เทคนิคคือหาทางลดฟีเจอร์มาตรฐานที่ใครๆก็คิดว่าจำเป็นลงเพื่อเอาเวลามาพัฒนาฟีเจอร์พิเศษให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

ไอพอดเวอร์ชั่นแรกคือตัวอย่างที่ดี … สามฟีเจอร์หลักที่ถูกเลือกคือ ความจุมหาศาล, การควบคุมด้วยวงล้อหมุน, และความง่ายในการเข้าถึงเพลงที่ต้องการฟังภายในไม่เกินสามคลิ๊ก

ที่เหลือเป็นเรื่องรอง เช่น การซิ้งค์ไฟล์ที่ยากลำบากผ่านไอทูนเท่านั้น (อันนี้น่าเบื่อจริง) เป็นต้น

ฟีเจอร์ … กลับกลายเป็นว่ายิ่งน้อยยิ่งดี 🙌🏼

1 thought on “✍🏼 ไม่เคยมากเกินไป?”

  1. Pingback: ✍🏼 ความถดถอยของคุณค่าในฟีเจอร์ – ปิโยรส – ธุรกิจ, สตาร์ทอัพ, ซอฟต์แวร์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *