เหมือนว่าในทุกวันเรามีเรื่องให้คิดและกังวลมากมาย
เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ในสังคมที่อยู่ในช่วงชีวิตที่ต้องมีความรับผิดชอบ มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป
มันน่าสนใจไม่น้อยถ้าเราลองหยุดสักนิดแล้วพิจารณาให้ดีว่า เกินกว่าครึ่งในเรื่องที่เรากังวลนั้น … เราทำอะไรกับมันไม่ได้เลย
เพราะมันอยู่นอกเหนือความสามารถในการควบคุมของเรา มันเป็นเรื่องของคนอื่น และมันเป็นเรื่องของสังคมที่เราอยู่
เมื่อไรก็ตามที่เราตั้งคำถามกับตัวเอง (เงียบๆ) ด้วยคำขึ้นต้นที่ว่า ทำไม และเมื่อไร … อืมม มีโอกาสสูงที่เรื่องเหล่านั้นเราจะทำอะไรกับมันไม่ได้เลย เช่น
ทำไมคนนี้ไม่โทรกลับมา?
ทำไมลูกค้ารายนี้ถึงเลือกซื้อของจากคนอื่น?
เมื่อไรโปรเจกต์นี้จะได้รับอนุมัติเสียที?
ทำไมคนนี้ไม่ตอบรับเข้าร่วมงานกับเรา?
ทำไม และเมื่อไร … อีกมากมาย
ไม่ใช่ว่ามันไม่สำคัญ แต่เราทำอะไรไม่ได้ และเมื่อเราทำอะไรไม่ได้ก็แปลว่าต่อให้เราคิดหรือกังวลไปมันก็เท่านั้น มันคือสิ่งที่นำมาซึ่งความกระวนกระวาย ความทุกข์ใจ ความเครียดสะสมแบบไม่มีทางแก้ไขอะไรได้
เพราะมันเป็นเรื่องของคนอื่น
ลองคิดดูแบบนี้สิว่า
ทำไมงานนี้ไม่เสร็จสักที? … โอเค แบบนี้คุยกันได้ เพราะมันคือตัวเราเอง มันคือสิ่งที่เราเลือกจะทำหรือไม่ทำได้ด้วยตัวเอง ถ้าเราคิดว่าเราต้องจัดการอะไรสักอย่างกับงานนี้แล้ว — ทำเราได้ เราทำให้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปได้ เพราะเราควบคุมตัวเองได้
เราควบคุมเวลาตัวเอง
เราควบคุมพลังงานตัวเอง
เราควบคุมคำพูดตัวเอง
เราควบคุมความคาดหวังของตัวเอง
เราควบคุมความสัมพันธ์ของตัวเองกับผู้อื่น
ในขณะที่เราคิดว่าเราไร้ซึ่งอำนาจแต่จริงๆแล้ว เราจัดการอะไรได้มากมายเหลือคณานับ เพียงแค่เราใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้อย่างไม่สมดุล
เรากังวลกับเรื่องภายนอก 80% แต่เราพยายามจะกังวลกับสิ่งที่เราทำอะไรกับมันได้แค่ 20%
ความก้าวหน้าจึงไม่เกิด ความกังวลจึงพอกพูน และความผิดหวังจึงดูเหมือนว่ามากมายจนเกินจะรับไหว
สำหรับคนที่ตระหนักรู้เรื่องนี้ได้เร็วก็มีโอกาสจะหลุดพ้นจากสถานะแบบนี้ได้ก่อน ยินดีด้วยกับคนที่ลด ละ เลิกคิดถึงเรื่องเราที่ควบคุมไม่ได้แล้วหันหัวพลังงานของตัวเองมาจัดการในเรื่องที่ตัวเองจัดการได้