สิ่งที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงคำว่า การจ้างงาน ตำแหน่งงาน และการสัมภาษณ์งานคือ
เราจ้างเพื่อเติมเต็มตำแหน่ง
ดังนั้น เราจึงเขียนคำอธิบายของตำแหน่งงานนี้อย่างละเอียดและชัดเจน ขอบเขต ความคาดหวัง ความต้องการ คุณสมบัติของผู้สมัคร ประสบการณ์ หลักฐานทางอาชีพ บุคคลอ้างอิง และอื่น
ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นเรื่องที่เห็นอยู่ทั่วไป … การมองหาคนที่เป็นลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน คนที่คิดคล้ายกัน คนที่ทำงานเหมือนคนก่อนหน้า (ที่ลาออกหรือย้ายงานไป) คนที่มีพื้นหลังเหมือนเดิมและเหมือนกัน คนที่วางแผนอาชีพและชีวิตตามรูปแบบที่สังคมกำหนดให้
เราเติมเต็มตำแหน่งที่ว่างลงด้วยคนที่ … เหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเริ่มมองเรื่องนี้ในมุมกลับ … เมื่อเราเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ เราจะเริ่มมองเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วในมุมกลับนั้นมีเรื่องที่น่าสนใจซ่อนอยู่เมื่อ
เราเลือกคนที่ใช่แล้วสร้างตำแหน่งงานที่เหมาะสมรอบตัวเขา
แน่นอนว่าเราต้องมีในใจอยู่แล้วว่าเราต้องการความช่วยเหลือประเภทไหน เทคนิค ธุรกิจ การตลาด การขาย กลยุทธ์ การเงิน ประชาสัมพันธ์ และทุกเรื่อง แต่มันจำเป็นจริงหรือที่เราจะยืดติดกับตำแหน่งงานที่เป็นเหมือนเดิมมานาน ด้วยคำอธิบายละเอียดยิบว่าคนเก่าเคยทำอะไรมาแล้วคนใหม่ต้องสานต่ออะไรบ้าง
มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเราจะเริ่มต้นจากคำถามแรกในการสัมภาษณ์ที่ว่า “คุณคือใครและคุณมองหาอะไรอยู่?”
มันคือการเปิดใจกว้าง มองเห็นว่าคนที่เรากำลังคุยด้วยนั้นเป็นปัจเจกบุคคลที่มีความแตกต่างทางพื้นฐานชีวิต ความรู้ ประสบการณ์ มุมมอง ความต้องการ เป้าหมาย ความชอบ ความไม่ชอบ และทุกๆเรื่อง
คนควรเป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์ ไม่ใช่งาน
คนควรเป็นปัจจัยที่สร้างวิวัฒนาการให้งาน
คนคือจุดแตกต่างระหว่างของเก่าและของใหม่
เมื่อคนคนนี้ให้ความรู้สึกที่ใช่กับเรา … การปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับเขาจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะทำ ไม่ใช่เพื่อเขาเท่านั้น แต่เพื่อการสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการพัฒนา แห่งวิวัฒนาการ แห่งความท้าทาย
เมื่อเราจ้างเพื่อเติมเต็มตำแหน่งงาน สิ่งที่เราจะได้คืองานใหม่ที่มีต้นกำเนิดมาจากงานเดิม
เมื่อเราเลือกเพื่อทำงานร่วมกับคน สิ่งที่เราจะได้คือผลงานที่มาจากพลวัตใหม่ที่เกิดขึ้นภายในองค์กร … ความเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า