ธุรกิจเกือบทุกประเภทประกอบไปด้วยสองส่วนที่ต้องทำงานประสานกันไป
ด้านธุรกิจ (การเงิน การตลาด การขาย) และด้านเทคนิค (การผลิต การสร้าง การติดตั้ง การดูแลหลังการขาย)
คำถามสำคัญที่เราต้องพยายามหาคำตอบอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงจังหวะของชีวิตการสร้างธุรกิจก็คือ
“ใครคือผู้นำ … ระหว่างทีมธุรกิจและทีมเทคนิค?”
ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าลักษณะของสินค้าและบริการจะเป็นตัวชี้นำที่ดีในการหาคำตอบนี้
ถ้าเราวางตัวเองเป็นบริษัทเทคโนโลยี … หรือถ้าเราขายของที่เป็นเทคโนโลยี … ถ้าเราผลิตสินค้าเทคโนโลยี และเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัว ทีมเทคนิคต้องมาก่อน ทีมสร้างต้องมาก่อนทีมขาย ทีมนักประดิษฐ์ต้องมาก่อนเรื่องการตลาด
เพราะเราต้องโฟกัสไปที่การสร้างสินค้าที่ดีจากรากฐาน เราต้องโฟกัสไปที่คุณภาพตั้งแต่ช่วงแรก และในเรื่องนี้ทีมธุรกิจยังไม่มีบทบาทมากนัก งานหลักคือหน้าที่รับผิดชอบของทีมเทคนิค
เราต้องสร้างทีมเทคนิคที่แข็งแรงก่อนเพื่อรองรับงานเฉพาะหน้า เราต้องให้อำนาจในการตัดสินใจกับทีมเทคนิคให้มาก เราต้องรับฟังทีมเทคนิคอย่างตั้งใจ และเราต้องตัดใจกับโอกาสทางการเงินที่เห็นอยู่ตรงหน้าถ้ามันขัดกับแนวทางการผลิตสินค้าที่วางไว้
การเลือกรับงาน การเลือกขายงาน การประเมินเวลาในการทำงาน การเตรียมแผนการพัฒนาสินค้า การเลือกฟีเจอร์ที่จะทำ … ทีมเทคนิคต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างเต็มที่
เราไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์ที่ว่าเรารีบเร่งสร้างทีมขายเพื่อไล่กวาดต้อนลูกค้าเข้ามาในมือ ทีมขายเน้นขาย ทีมขายให้คำสัญญาเกินจริง ทีมขายบีบบังคับทีมเทคนิคให้ทำงานตามแผนที่ถูกกำหนดขึ้นฝ่ายเดียว เพราะนั่นคือปัญหาเรื่องคุณภาพที่จะตามมา
เมื่อเราขยายก่อนจะพร้อม เมื่อเราคิดถึงผลลัพธ์ระยะสั้นมากเกินไป เมื่อเราลดความสำคัญของทีมเทคนิคลงไปจนเกินสมควร … มันคือจุดเริ่มต้นของจุดจบ แผนที่เราตั้งใจไว้ เป้าหมายที่เราคิดไว้จะกลายเป็นเรื่องห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
ยิ่งขายมากยิ่งคุณภาพแย่ ยิ่งขายมากยิ่งขาดทุน (ทางเทคนิค) ยิ่งขายมากยิ่งมีปัญหาตามมามาก … สตาร์ทอัพหลายรายเจ็บตัวเพราะเหตุนี้ 💔
แม้แต่บริษัทใหญ่เองก็ตาม ถ้าเราให้อำนาจกับทีมธุรกิจมากเกินไปและเร็วเกินไป เราจะต้องตามแก้ปัญหากันไม่จบไม่สิ้น ปัญหาซ้ำซาก ปัญหาไม่สร้างสรรค์ ปัญหาที่ไม่ได้ส่งเสริมการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เวลาที่ควรจะถูกใช้ไปเพื่อการพัฒนาของบริษัทจะหมดไป โอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจก็ลดลงไปด้วย … เพราะเราให้อำนาจกับคนผิดกลุ่มผิดเวลา