มีแนวคิดที่ถูกหยิบใช้และปลูกฝังกันมานานเรื่องการพยายามทำซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นแรกเล็กๆ เร็วๆ และรีบปล่อยออกมาให้กลุ่มเป้าหมายทดลอง
ด้วยความหวังเพื่อให้ได้เรียนรู้จากโลกแห่งความจริง อะไรเวิร์ค อะไรไม่เวิร์ค ปรับแก้ และปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ
เอ็มวีพี — คำที่เรียกติดปาก คำที่เป็นเหมือนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนที่พยายามสร้างตัวตนผ่านเทคโนโลยี
เอ็มวีพี — ถูกใช้มานาน ถูกตีความไปหลากหลาย เป็นหลักการที่ทำให้คนกลุ่มหนึ่งประสบความสำเร็จกับโปรเจกต์ของตัวเอง
แต่มาวันนี้ เอ็มวีพีกำลังจะหมดอายุลงแล้ว ถ้า …
- เราไม่ได้ทำอะไรที่ใหม่เอี่ยมอ่องที่แม้แต่ตัวเราเองยังไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน
- เราไม่ได้ทำอะไรที่ราคาถูก ไปจนถึงแจกฟรี ให้คนทั่วไปมาหยิบใช้งาน
- เราไม่ได้ทำอะไรให้กับคนไม่เข้าใจเทคโนโลยีอะไรเลย ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยสัมผัส และไม่เคยมีประสบการณ์กับซอฟต์แวร์หรือโปรดักท์อื่นๆมาก่อน
คำถามคือ … มันยังมีอยู่มั้ยหละ? งานแบบนี้ โปรเจกต์แบบนี้ที่ ใหม่มาก ราคาถูก ให้คนที่ไม่รู้เทคโนโลยี
เพราะถ้าเราไม่ได้ทำของใหม่ ผู้ใช้จะมีข้อเปรียบเทียบเสมอ คำว่าเอ็มวีพีมันจะไม่เล็ก เพราะถ้าเราเล็กแล้วคู่แข่งมีพร้อม เราจะแข่งขันด้วยอะไร?
เพราะถ้าเราไม่ได้ทำของแจกฟรี ผู้ใช้จะไม่อดทนกับความไม่สมบูรณ์และไม่พร้อมของซอฟต์แวร์เรา ถ้าพวกเขาต้องจ่ายเงิน เขาจะไม่จ่าย ถ้าพวกเขาต้องจ่ายแพง พวกเขายิ่งไม่สนใจทดลองใช้ตั้งแต่แรก
เพราะถ้าเราไม่ได้ทำเพื่อคนที่เพิ่งรู้จักเทคโนโลยีเป็นครั้งแรกๆ ผู้ใช้จะไม่เกิดความคาดหวังตั้งแต่ต้นว่าฉันเคยรู้นะว่าอีเมลทำแบบนี้ได้ แชททำแบบนั้นได้ โซเชี่ยลก็มีแบบนี้ เวลาสั่งสินค้าออนไลน์ก็ควรต้องเป็นแบบนั้น
คำถามคือ … ถ้ามาตรฐานถูกกำหนดไว้แล้วอย่างนี้ เราจะฝากชีวิตไว้กับเอ็มวีพีได้อย่างไร
เร่งทำ น้อยๆ ปล่อยออกมาก่อน รอให้มีคนมาดาวน์โหลดแล้วส่งต่อฟีดแบ็คมาให้เรา … สิ่งนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว
เอ็มวีพีกำลังจะหมดมนต์ขลัง
ทางแก้? ก็ไม่ยากอะไร ถ้ามันต้องเยอะก็คือต้องเยอะ ถ้ามันต้องช้าก็คือต้องช้า ถ้ารีลีสออกมาแล้วไม่มีจุดเด่น ไม่แก้ปัญหาให้กับผู้ใช้ได้จริง ต่อให้ทำเอ็มวีพีไปอีก 10 รอบก็คือการลงทุนเสียเปล่า