เมื่อไรก็ตามที่เจอเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน จงคิดหาทางทำให้ซอฟต์แวร์เป็นตัวแก้ปัญหานั้นก่อนเสมอ
ผมเพิ่งนำเสนอแนวคิดการเขียนซอฟต์แวร์ที่ฉลาดเพียงพอที่จะตัดกระบวนการที่ผู้ใช้ต้องมีส่วนร่วมโดยตรง — ไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์, ไม่ต้องมีหน้าจอ, ไม่ต้องกดหรืออ่านหรือเรียนรู้ใดๆ … แค่ทำงานอย่างที่เคยทำมาแล้วปล่อยให้ซอฟต์แวร์จัดการที่เหลือเอง
แต่เราทุกคนก็รู้ว่าการออกแบบระบบที่ต้องพึ่งพาความสามารถของทั้งซอฟต์แวร์, ฮาร์ดแวร์, และสภาพแวดล้อมจริงนั้นมีปัจจัยหลากหลายที่ยากต่อการควบคุม — ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ ขอบเขตของสัญญาณ จุดอับสัญญาณ ความเร็วในการใช้งาน ความถี่ในการใช้งาน และอื่นๆ (ลองคิดถึงการติดตั้งและใช้งานไวไฟในพื้นที่ขนาดใหญ่ครับ)
“ถ้าเป็นแบบนี้ ผมควรจัดเลย์เอ้าท์ของพื้นที่ใหม่มั้ยครับ?”
“ผมควรหาวัสดุอะไรมากั้นสัญญาณไม่ให้รบกวนกันมั้ยครับ?”
“ผมต้องหาเซ็นเซอร์ตัวอื่นมาช่วยควบคุมการเปิดปิดอุปกรณ์ตัวนี้ด้วยมั้ยครับ?”
คำตอบที่ผมให้กับหัวหน้าทีมงานของลูกค้าคือ “ไม่ต้องครับ ผมไม่อยากให้ต้องลงทุนเพิ่ม ผมจะพยายามทำให้ซอฟแวร์มันฉลาดพอจะจัดการเคสพวกนั้นให้ได้มากที่สุดครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆแล้วค่อยคิดหาทางอื่นครับ”
ซอฟต์แวร์มันสเกลได้ ซอฟต์แวร์ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้เรื่อยๆ ซอฟต์แวร์ที่ฉลาดจะช่วยประหยัดทรัพยากรของผู้ใช้และลูกค้าได้มาก
ในฐานะผู้สร้างเราควรดึงปัญหายากๆมาแก้ไขด้วยซอฟต์แวร์ ในฐานะผู้สร้างเราควรผลักดันตัวเองด้วยการทำอะไรที่ท้าทายกว่าที่เคยทำมา 🙏🏽