สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ในเรื่องการขายจากการเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กคือไม่มีอะไรสำคัญเท่าคอนเน็คชั่น
ต่อให้สินค้าเราดีแค่ไหน ต่อให้สินค้าเราเป็นที่นิยมแค่ไหน หรือต่อให้สินค้าเราราคาถูกแค่ไหนก็ไม่มีผล ผู้ซื้อสามารถหาเหตุผลอันดีมาลบล้างเรื่องพวกนั้นเพื่อเลือกซื้อจากคนที่รู้จักคนที่ใกล้ชิด … ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เพราะธุรกิจไม่ใช่เรื่องธุรกิจแต่มันเป็นเรื่องส่วนตัว
มนุษย์ทุกคนสะดวกใจที่จะซื้อจากคนที่รู้จัก บริษัทที่คนรู้จักแนะนำมา หรือแบรนด์ที่เชื่อใจ … คอนเน็คชั่นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือแนวทางที่ทำให้ได้มาซึ่งคอนเน็คชั่นเหล่านั้น
จนกว่าเราจะมีโปรดักท์ที่ดีเยี่ยม เรื่องอื่นๆนั้นแทบจะไม่มีความหมายเลย — แซม อัลท์แมน, ประธานบริหารของวายคอมบิเนเตอร์
ผมเชื่อแบบนี้ ทีมผมเชื่อแบบนี้ … โปรดักท์ที่ดีเยี่ยมคือพื้นฐานที่จำเป็นที่สุดในการสร้างคอนเน็คชั่น ผมอยากให้พวกเขาเลือกผมเพราะพวกเขามั่นใจว่าโปรดักท์ของผมมีคุณภาพมากที่สุด — ไม่ใช่เพราะพวกเขารู้จักผมดีที่สุด
ผมอยากให้พวกเขาเลือกผมเพราะพวกเขามั่นใจว่าผมจะดูแลรับผิดชอบและให้บริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม — ไม่ใช่เพราะผมต้องอ้อนวอนและขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
ผมอยากให้พวกเขาเลือกผมเพราะพวกเขามั่นใจว่าโปรดักท์ของผมคุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด — ไม่ใช่เพราะผมลดราคาให้ครึ่งนึง
ผมอยากให้พวกเขาเลือกผมเพราะพวกเขารู้สึกว่าผมตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ดีและรวดเร็วที่สุด — ไม่ใช่เพราะ … (โปรดเติมคำลงในช่องว่างตามอัธยาศัย)
ณ จุดนี้ไม่มีอะไรจะดีกับการสร้างคอนเน็คชั่นมากกว่าการสร้างโปรดักท์และทีมงานที่ยอดเยี่ยมอีกแล้ว
มันต้องลงทุนลงแรงมาก — ใช่
มันต้องใช้เวลานาน — ถูกต้อง
มันไม่มีทางลัด — แน่นอน
แต่มันจะคุ้มค่าในระยะยาว — ผมมั่นใจอย่างนั้น
ทุกวันนี้เวลาทำงาน 80% ของผมหมดไปกับการสร้างโปรดักท์ อีก 20% เก็บไว้สำหรับการออกนอกสถานที่ไปพบปะพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าและพาร์ทเนอร์ … ผมไม่ได้เผื่อเวลาไว้ให้กับการขายเลยเพราะถ้าโปรดักท์ยังไม่ดีพอที่จะไปโฆษณาขายใครได้ 😅
ส่วนเพื่อนร่วมทีมผมให้เวลาเกือบ 100% อยู่กับการสร้างโปรดักท์ น้อยครั้งที่พวกเขาจะเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นอย่างการประชุม การออกนอกสถานที่เพื่องานสัมมนาหรือเน็คเวิร์กกิ้งอีเว้นท์อะไรพวกนั้น
ทั้งหมดที่ทำนี้ไม่ใช่ว่าผมปฏิเสธคำว่าคอนเน็คชั่นแต่ผมให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเน็คชั่นอย่างถูกต้องมากกว่า