ผมเชื่อว่าทุกคนเคยอยู่ในสถานการณ์ที่มีเรื่องต้องจัดการเยอะจนคิดว่าตัวเองทำไม่ไหว … ไม่จำเป็นต้องเรื่องงานเท่านั้น อาจจะเป็นเรื่องบ้าน เรื่องเงิน เรื่องเที่ยว เรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อนฝูงและสังคม … อย่างละนิดอย่างละหน่อยรวมๆกันจนเราบอกกับตัวเองว่า “จะเอาเวลาที่ไหนไปทำให้เสร็จวะ ยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ”
ผมเป็นแบบนี้บ่อยครั้งในระยะหลังๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องงานครับ เอาเรื่องจริงเลยคือว่าผมต้องนำเสนองานโปรเจกต์ใหญ่ให้ลูกค้ารายใหญ่สองรายในเวลาไล่เลี่ยกัน ตอนแรกที่รับปากเค้ามาก็รู้สึกไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะทำเสร็จทันด้วยคุณภาพตามมาตรฐานทั้งสองงาน แต่ด้วยหน้าที่ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามไม่ผิดคำพูด และดูเหมือนผมจะทำได้นะ ผมพร้อมสำหรับทั้งสองงาน
จากเหตุการณ์นี้ … ผมเรียนรู้ความจริงบางอย่างครับ
คนเรามักจะคิดว่าตัวเองทำได้แค่ครึ่งเดียว (Half) ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าเราทุ่มเทเพิ่มอีกนิดเราจะทำมันได้เต็มๆ (Full)
สมัยเรียนบางคนบ่นว่า “โหย เหลือเวลาสามวัน ต้องอ่านหนังสือ 10 วิชา จะทันได้ไง” สมัยทำงานหลายคนบ่นว่า “เห้อ อีกสองสัปดาห์ต้องส่งงานแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปทำ”
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยมีความลังเลและไม่เชื่อในความสามารถของตัวเองว่าจะทำงานที่ดูว่าเยอะให้เสร็จตามเวลา … แต่ความแตกต่างของคนทำงานเสร็จกับคนทำงานไม่เสร็จนั้นไม่ใช่ความมั่นใจแต่เป็นความทุ่มเท ถึงแม้เขาจะมั่นใจว่า ทำได้แค่ Half แต่เมื่อลงมือทำแล้วเขาจะอดทนก้าวข้าม Half เพื่อคำว่า Full
เราทุกคนก้าวข้าม Half ได้ครับ เมื่อเราไม่แน่ใจว่าเราจะทำมันได้มั้ย ขอให้มั่นใจได้เลยว่าเราทำได้แน่และได้มากกว่านั้นด้วย ถ้าอยากพัฒนาตัวเองนะครับ
- อย่าห่วงเมื่อไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือทำเสร็จมั้ย … ทุกคนเป็นแบบนี้หมด
- เมื่อต้องสัญญากับใครอื่น พยายามสัญญาที่ Full เช่น ถ้าเค้าอยากได้ภายในสองสัปดาห์ ถ้าเรามองแล้วว่ามันเป็นไปได้แต่เหนื่อยแน่ๆยากแน่ๆ … จัดไปเลยครับ “คุณลูกค้าคะ คุณจะได้สิ่งที่คุณต้องการในสองสัปดาห์ค่ะ” — ที่ทำแบบนี้เพราะการสัญญากับคนอื่นหรือกับสาธารณชนนั้นมันกดดันและเป็นการบังคับตัวเองไม่ให้ขี้เกียจและเสียหน้า
- เมื่อสัญญาที่ Full แล้ว ลืมคำว่า Half ไปครับ ตั้งเป้าหมายที่ Full เท่านั้น เชื่อผม เราทำได้แน่
- การก้าวข้ามจาก Full ไปที่ Extreme หรือสุดโต่งนั้นเป็นสิ่งไม่ควรทำ เช่น ถ้าเรามั่นใจเกิน 100% ว่าสิ่งนี้ไม่มีทางทำเสร็จในสองสัปดาห์แน่ๆ เราก็ไม่ควรรับปากส่งๆแล้วมาทนทรมานทำงานวันละ 16 ชั่วโมงเพื่อให้มันเสร็จ … นี่คือ Extreme Case ที่เราไม่ควรก้าวข้ามไป
- สิ่งที่เราควรทำแทนคือการขยับขีดจำกัดของคำว่า Full ของตัวเราเองหรือทีมเราเองครับ … ถ้า Full เรากว้างพอ เชื่อเถอะว่ามันจะสร้างความประทับใจอย่างยิ่งให้กับคนที่ทำงานกับเราเพราะเราคือคนหรือทีมที่พูดจริงทำจริงด้วยคุณภาพระดับสุดยอด หึๆๆ หาไม่ง่ายนะแบบนี้อะ
เรื่องนี้อาจจะดูเป็นนามธรรมไปนิด … ซอรี่ครับ … มันกำลังอินเรื่องนี้อยู่พอดี 😇