บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่คิดใหม่หรือเปลี่ยนการตัดสินใจในเรื่องที่เราเห็นอยู่แล้วว่าจะล้มเหลว
หรือเป็นเพราะว่าเราไม่อยากยอมรับว่าตัวเองคิดผิดมาตั้งแต่ต้น มันอาจจะทำให้เราดูแย่ในสายตาคนอื่น มันอาจจะทำให้เราขาดความน่าเชื่อถือจากมุมมองคนรอบข้าง … ใช่มั้ย?
เหตุการณ์ตัวอย่าง:
เราลงทุนลงแรงลงจิตวิญญาณในการทำโปรเจกต์นี้มาสองปีแต่มันไม่คืบหน้าไปไหนเลยเพราะเวนเดอร์ที่เราตัดสินใจเลือกมานั้นไม่เก่งไม่เป็นมืออาชีพจริง เวลาที่หมดไปมีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง การเทสระบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า การปรับเปลี่ยนสเปคไปมา การแก้ไขราคาและงบประมาณที่คาดเดาไม่ได้ ความไม่พร้อมของทีมงาน และอื่นๆอีกหลายเรื่อง
แต่เป็นเพราะเราเลือกมาแล้วและเสียเวลาไปแล้วสองปี เรากลัวว่าการเปลี่ยนใจตอนนี้ (ยกเลิกโปรเจกต์ไปเลยหรือหาเวนเดอร์รายใหม่เข้ามา) จะทำให้เราเสียหน้า เรากลัวว่าเราต้องลงทุนเวลาอีกสองปีกับเวนเดอร์คนใหม่ … เราจึงเลือกที่จะเดินต่อแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันจะล้มเหลว
ด้วยความกลัวที่จะล้มเหลวในวันนี้ … จากล้มเหลวกลายเป็นล้มเหลวมากขึ้น จากล้มเหลวราคาถูกกลายเป็นล้มเหลวราคาแพง รุนแรงขึ้นทุกวัน
จากเวลาสองปีกับเงินหนึ่งล้านบาทกลายเป็นสามปีกับเงินห้าล้านบาท … มันมีอะไรดีบ้างกับการที่เราไม่ยอมรับความจริงวันนี้?
เฟลล์ฟาสต์ — ล้มเหลวให้เร็ว … ไม่ใช่การสนับสนุนให้เราล้มเหลวแต่มันเป็นเรื่องเตือนสติว่าถ้าเราอยากเจ็บตัวให้น้อยที่สุด … ยิ่งรู้เร็วยิ่งดี ยิ่งกลับตัวก่อนยิ่งดี อย่าให้สถานการณ์ถลำลึกไปกว่านี้
ในกรณีนี้ก็เช่นกันอย่าล้มเหลวแบบเจ็บหนักกว่าที่ควรจะเป็น … ทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยการเริ่มยอมรับว่าที่ผ่านมาเราทำพลาดไปแล้ว 😢