หนึ่งเราทุกคนมีไอเดีย สองผมมั่นใจว่าเกินร้อยละ 80 ของพวกเรานั้นหวังดีต่อองค์กร อยากเห็นการพัฒนา อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
เมื่อสองข้อนี้รวมกัน องค์กรอันเป็นที่รักของเราน่าจะมีแต่เจริญขึ้น มีแต่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง … น่าเสียดายที่เรื่องทางทฤษฎีและปฏิบัตินั้นสวนทางกัน
ไม่ใช่เพราะพวกเราขาดไอเดีย ขาดความสามารถ ขาดความตั้งใจจริง แค่เราขาดสภาพแวดล้อมที่ดี เอาให้ตรงจุดไปกว่านั้นคือเราขาดการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจ
เมื่อผู้มีอำนาจตัดสินใจเดินตามโลกไม่ทัน เมื่อผู้มีอำนาจตัดสินใจไม่เปิดรับสิ่งใหม่ ไอเดียและความตั้งใจดีๆของเราจึงถูกมองข้าม
สมมติตอนนี้เราอายุ 30 ปี หัวหน้างานของเราอายุเท่าไร? 35, 40 หรือ 50 … ยิ่งอายุห่างยิ่งมีช่องว่างทางความคิด
ถ้าเราเสนอแผนที่มองไปในอีกห้าปีข้างหน้า และผู้มีอำนาจสนใจแค่เรื่องของปีนี้
ถ้าเราเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับแผนในวันนี้เพราะเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นในหกเดือนข้างหน้า
ถ้าเราพูดในสิ่งที่ยังเป็นนามธรรมเพราะเราจับสังเกตการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ให้กับคนที่ไม่เข้าใจและไม่พยายามจะเข้าใจ
ถ้าเราเสนอให้แก้กฎเกณฑ์บางข้อที่ขัดกับธรรมชาติการทำงานและแนวโน้มทางการตลาดในวันนี้แต่พวกเค้าสนใจแค่การปกป้องตำแหน่งและอำนาจที่ครอบครองอยู่
เฮ้ … เรื่องนี้มีอยู่จริงและเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่กั้นขวางระหว่างองค์กรของเราและความก้าวหน้าอย่างมั่นคงในอนาคต
เฮ้ … ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ … ทำไมนวัตกรรมถึงเกิดยากในองค์กรใหญ่ที่เก่าและแก่?
อยากได้คำตอบก็ลองมองไปรอบๆตัวดูว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจเป็นใคร และพวกเขาเป็นคนแบบไหน 😌