ใครใช้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำด้วยการโหวตบ้างครับ? … มันเวิร์คมั้ย? ส่วนตัวผมคิดว่าไม่เวิร์ค … เหตุผล …
เพราะการรันธุรกิจหรือการสร้างโปรดักท์ไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย
ในระบอบประชาธิปไทยใครได้เสียงข้างมากคือผู้ชนะ ใครล๊อบบี้หรือเป็นที่รักของคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงมากกว่าคือคนที่ได้เปรียบ
เมื่อการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนลงคะแนนที่ต่างคนต่างก็มีความคิดและมุมมองเป็นของตัวเอง … แล้วอะไรคือเป้าหมายของธุรกิจหรือโปรดักท์ แล้วอะไรคือเส้นทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไป แล้วคำว่าผู้นำจะมีไว้เพื่ออะไร?
เราไม่ได้ต้องการการโหวต เราต้องการวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เราไม่ได้ต้องการผลโหวต เราต้องการแผนที่และเข็มทิศ และนั่นเป็นหน้าที่ของผู้นำที่ต้องจัดเตรียมไว้ให้
ทุกครั้งที่สับสนและไม่แน่ใจในการตัดสินใจ … ให้คิดถึงเป้าหมายสูงสุดของบริษัทของโปรดักท์ของทีมหรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นส่วนรวม
ทุกครั้งที่เกิดข้อขัดแย้งและตกลงกันไม่ได้ … อย่าโหวต ให้ถามให้ขอคำแนะนำและให้มองหาการตัดสินใจจากคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบสูงกว่า โปรดักท์ โอนเนอร์ หรือ หัวหน้าทีมโปรดักท์ หรือรองท่านประธานฝ่ายโปรดักท์ หรือท่านซีอีโอ … สักคน
และการตัดสินใจของท่านๆเหล่านั้นคือคำขาด เราก็ต้องทำตามนั้นเพราะมันคือคำสั่ง ผลโหวตไม่เกี่ยว ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องจำเป็นในส่วนนี้
ผมเป็นเผด็จการในบริษัท ผมกุมอำนาจตัดสินใจสุดท้ายไว้ในมือ … ทีมผมไม่มีการโหวต เมื่อสมาชิกในทีมไม่แน่ใจว่าอะไรควรทำก่อนหรือทำหลัง ไม่แน่ใจว่าอะไรสำคัญกว่าอะไร พวกเขาจะถามผม … ผมจะฟัง ผมจะพิจารณา และผมจะตัดสินใจโดยไม่เกี่ยวกับผลโหวตใดๆทั้งสิ้น
เพราะเมื่อผมมีอำนาจเต็มมือ ผมก็ต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูงสุดเช่นกัน ทุกการตัดสินใจผมมีส่วนต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่จะออกมาทั้งหมด ผมต้องแน่ใจว่าผมทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกคนในทีม … แน่นอนว่าบทสรุปบางอย่างจะไม่ได้ทำให้ทุกคนแฮปปี้ แต่นี่แหละชีวิต ยอมรับ ลงมือปฏิบัติ วัดผล ปรับปรุง และก้าวข้ามมันไป
สำหรับผู้นำทั้งหลาย ในฐานะที่ต้องเป็นคนที่เห็นและเข้าใจภาพรวมมากกว่าคนทั่วไป ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ทั้งหมด … อย่าหลีกหนีการตัดสินใจที่ยากด้วยการพูดว่า “พวกคุณก็คุยตกลงกันเองว่าจะเอายังไง” เมื่อมีอำนาจก็ต้องใช้มันอย่างถูกต้องเหมาะสม
และนี่คือส่วนที่ดีที่สุดของบทความนี้ … รู้มั้ยทำไมการโหวตจึงเกิดขึ้น? … เพราะผู้นำทั้งหลายล้มเหลวในการกำหนดวิสัยทัศน์และเส้นทางของบริษัทของโปรดักท์ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาล้มเหลวในการสื่อสารสิ่งเหล่านั้นออกมาให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ให้มันเป็นเหมือนแผนที่และเข็มทิศที่คนทำงานนำไปประยุกต์ใช้ได้กับงานในชีวิตประจำวัน
สุดท้ายแล้วผู้นำก็หนีความรับผิดชอบไปไม่พ้นอยู่วันยังค่ำ 😤