คำถามที่โปรดักท์ เมเนเจอร์ทุกคนต้องพยายามหาคำตอบให้ได้คือ “เราจะทำอย่างไรที่จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร?”
ไม่ใช่แค่ทำโปรดักท์ให้เสร็จๆไปนะครับ เราต้องหาทางทำให้โปรดักท์นั้นประสบความสำเร็จในตลาดและทางธุรกิจด้วย เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราไม่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage)
เราจะสร้างมันได้อย่างไร? — สำหรับเรื่องนี้เราต้องย้อนกลับไปดูเรื่อง Kano Model ครับ
ฟีเจอร์ที่ต้องมี — จะช่วยให้เรามีสิทธิ์ที่จะแข่งขันได้
ฟีเจอร์ที่ต้องมี (Must-Have) นั้นสำคัญอย่างที่ชื่อมันบอกเลย ต่อให้เราทำฟีเจอร์ที่น่าตื่นเต้นอื่นๆมากแค่ไหน โปรดักท์ของเราจะไม่มีสิทธิ์เข้าแข่งขันได้เลยถ้าเรายังไม่ได้ทำฟีเจอร์ที่จำเป็นต้องมีให้เรียบร้อยก่อน — นี่คือจุดเริ่มต้นของเรา
สมมติว่าเราออกแบบและผลิตรถยนต์ เราอาจจะสร้างหน้าจอทัชสกรีนที่เป็นคอนโซลระดับหรูหราสุดยอดแค่ไหนก็ได้ แต่เรื่องน่าเบื่ออย่างระบบขับเคลื่อน ระบบเบรก กระจก เข็มขัดนิรภัยก็ต้องมีด้วย … ทุกอย่างที่น่าตื่นเต้นจะไร้ค่าไปเลยจนกว่าเราจะทำเรื่องน่าเบื่อให้เรียบร้อย
ฟีเจอร์ที่ยิ่งมากยิ่งดี — จะช่วยให้เรามีสิทธิ์เอาชนะคู่แข่งได้
เมื่อเราได้โอกาสเข้าแข่งขันด้วยการมีฟีเจอร์ที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว เราจะเปิดโอกาสที่จะชนะคู่แข่งได้ด้วยฟีเจอร์ที่ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งไกลยิ่งดีครับ การจะทำแบบนั้นได้เราต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ว่ากลุ่มลูกค้าของเราให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรบ้าง
หลายครั้งเมื่อเราวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่ากลุ่มลูกค้าย่อยๆในตลาดใหญ่นั้นมีความต้องการที่แตกต่างกันมาก บางบริษัทวางกลยุทธ์แบบผิดพลาดด้วยการไล่ล่าตลาดที่ใหญ่เกินไป เกินกว่าที่จะสร้างโปรดักท์สักตัวขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนเหล่านั้นได้ทั้งหมด มันไม่ผิดที่เราจะตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยานว่าจะขยายตลาดให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แนวทางที่เราควรทำคือมองหากลุ่มลูกค้าเล็กๆแล้วสร้างโปรดักท์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่แก้ปัญหาให้พวกเขาได้อย่างดีที่สุดครับ
เมื่อทำเห็นภาพความต้องการของลูกค้าที่ชัดเจนแล้ว เราจะรู้ว่าฟีเจอร์ที่ยิ่งมากยิ่งดีแบบไหนที่พวกเขาให้คุณค่ามากที่สุด เช่น ถ้าเราพยายามจะขายรถให้นักธุรกิจรุ่นใหม่กระเป๋าหนัก รถของเราต้องดีไซน์ดีที่สุดและมีเครื่องยนต์แรงที่สุด แต่ถ้าเรากำลังทำรถยนต์ให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รถของเราคงต้องประหยัดพลังงานอย่างที่สุดนั่นเอง 🚘
ฟีเจอร์ที่ว้าว — จะช่วยให้เรามีสิทธิ์เอาชนะคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเรามีสิทธิ์จะเป็นผู้ชนะด้วยฟีเจอร์ที่ยิ่งมากยิ่งดีแล้ว เรามีโอกาสที่จะตอกย้ำความสำเร็จด้วยการใส่ความว้าวเข้าไปด้วย ฟีเจอร์ที่ว้าวจะทำให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีกครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะฟีเจอร์เหล่านี้จะเปลี่ยนจากคนที่เป็นแค่ลูกค้าให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ และแฟนพันธุ์แท้มักจะช่วยโปรโมตโปรดักท์ของเราให้คนใกล้ตัวฟัง 📢
เราไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามฟีเจอร์ที่ว้าวถึงแม้ว่านี่จะเป็นแค่โปรดักท์เวอร์ชั่นแรกของเราก็ตามครับ เพราะไม่ใช่แค่มันจะช่วยให้เราขยายฐานลูกค้าได้เร็วแต่มันยังทำหน้าที่เป็นตัวดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการโปรดักท์ของเราอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งการมีฟีเจอร์ที่ว้าวมันจะช่วยทำให้เรารอดตัวในกรณีที่เราทำฟีเจอร์ที่จำเป็นหรือฟีเจอร์ที่ยิ่งมากยิ่งดีได้ไม่ครบในช่วงแรกๆของโปรดักท์ด้วย ประมาณว่า “ฉันชอบฟีเจอร์นี้มาก จะขาดตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยไม่เป็นไร ฉันให้อภัย” 😎
โปรดักท์ เมเนเจอร์มืออาชีพอย่างเรามักจะมีไอเดียเต็มไปหมด แต่คนที่เก่งกว่าจะมองเห็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนได้อย่างรวดเร็วกว่า ว่าการทำแค่ให้เท่าคู่แข่งนั้นไม่พอ ว่าการทำตามที่ลูกค้าบอกว่าอยากได้นั้นไม่พอ ว่าการทำตามตำราเพื่อความปลอดภัยนั้นไม่พอ คนที่เก่งกว่ามักจะกล้าเสี่ยงมากกว่า กล้าตัดสินใจที่จะไม่ทำฟีเจอร์นั้นเพื่อทำฟีเจอร์นี้ครับ
โปรดักท์เวอร์ชั่นแรกถ้าไม่มีฟีเจอร์ที่ว้าว … ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่ตัดโอกาสในการแข่งขันและสร้างความได้เปรียบในอนาคตครับ
วันนี้เรารู้สึกว้าวกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่รึยัง? 🤩