✍🏼 ไทม์ไลน์ของโปรดักท์กับไทม์ไลน์ของธุรกิจ

ผมได้ยินมาบ่อยครั้งจนเริ่มชิน

หัวหน้าใหญ่: “โปรดักท์นี้ใช้เวลาทำกี่เดือน?”

หัวหน้าทีม: “คงต้องมี 3 เดือนเป็นอย่างน้อยอะครับ”

หัวหน้าใหญ่: “โห นานไปนะ เดือนครึ่งไม่ได้หรอ?”

หัวหน้าทีม: “…???…”


น่าเสียดายที่หัวหน้าทีมเลือกที่จะเงียบ (ผมเข้าใจครับ ผมก็เคยเงียบและก้มหน้ามองพื้นมาก่อน) แทนที่จะถามท่านหัวหน้าใหญ่กลับไปแบบนี้

หัวหน้าทีม: “ถ้าบริษัทเราต้องการเพิ่มรายรับเป็นสองเท่าต้องใช้เวลาเท่าไรครับ?”

หัวหน้าใหญ่: “อืม ก็คงสัก 1 ปีมั้ง”

หัวหน้าทีม: “ช้าจังครับ 6 เดือนไม่ได้หรอครับ?”

หัวหน้าใหญ่: “ไม่ได้หรอก มันมีเงื่อนไขหลายอย่าง”


ทำไมละครับ? ผมไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหน

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาคู่แข่งเยอะ ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาโค๊ดเก่าที่ล้าสมัยและคุณภาพต่ำ

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาลูกค้ายังไม่ตัดสินใจซื้อ ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาคนเก่าลาออกคนใหม่ยังขาดความเข้าใจในงาน

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาต้องใช้เวลาให้ความรู้กับตลาดเกิดใหม่ ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาเทคโนโลยียังไม่เสถียร

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาต้องวางแผนและปรับกลยุทธ์ด้านราคาก่อน ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาโดนงานแทรกรายวัน

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาว่าผู้นำตลาดแข็งแกร่งมาก ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหารีไควเม้นท์ไม่ชัดเจนมากเกินไป

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาลูกค้าไม่ยอมอัพเกรด ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาการรองรับผู้ใช้จำนวนมากเพราะไม่ได้คิดวางแผนเตรียมการเอาไว้

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาเศรษฐกิจขาลง ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาเรื่องการใช้งานที่ยากเกินไป

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหางานโอเวอร์เฮดที่มากเกินไป

ถ้าธุรกิจบอกติดปัญหาขาดงบการตลาด ผมก็จะบอกว่าซอฟต์แวร์ติดปัญหาปริมาณงานกับจำนวนคนไม่สมดุลกันมาเป็นเวลานาน

ต่างกันตรงไหน? ธุรกิจมีเงื่อนไขอุปสรรค ซอฟต์แวร์ก็เช่นกัน

ผมไม่ได้จะสื่อว่าซอฟต์แวร์ต้องอยู่เหนือธุรกิจ แค่จะชี้ประเด็นให้เห็นว่าอย่าประเมินความยากในการสร้างซอฟต์แวร์ที่ดีต่ำเกินไปครับ

ธุรกิจมีเหตุผลที่มันยาก ซอฟต์แวร์ก็ไม่ต่างกัน มันคือเรื่องเดียวกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *